Thursday, August 18, 2011

ตำรวจภูเก็ตรวบชาวอเมริกัน เปิดบริษัทอสังหาฯตุ๋นชาวคนชาติเดียวกัน


ตรวจคนเข้าเมือง ภูเก็ตรวบชาวอเมริกันเปิดบริษัทอสังหาฯตุ๋นชาวคนชาติเดียวกันให้ลงทุนเสีย หายกว่า 1.2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หลังกองการต่างประเทศสำนักงานตำรวจแห่งชาติแจ้งประสานติดตามจับเป็นบุคคลมี หมายจับของทางการสหรัฐฯ

วันนี้ (18 ส.ค.) ที่กองกำกับการตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจ.ภูเก็ต พ.ต.อ.ภานุวัฒน์ ร่วมรักษ์ ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมือง จ.ภูเก็ต พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจด่านตรวจคนเข้าเมือง ร่วมกันแถลงข่าวการควบคุมตัวนาย โจแจอร์ เอ มิลเลอร์ ( Mr.Roger A Miller) อายุ 59 ปี สัญชาติอเมริกันว่า เมื่อต้นเดือนสิงหาคม 2554 สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดภูเก็ต ได้รับการประสานจากกองการต่างประเทศสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้ช่วยตรวจสอบและดำเนินการจับกุมตัวนายโจเจอร์ เอ มิลเลอร์ ตามหมายจับศาลรัฐฟอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ออกเมื่อเดือน ธ.ค.2553 เนื่องจากนายโรเจอร์ฯ มีพฤติกรรมฉ้อโกง โดยระหว่างปี ค.ศ.2006-2009 นายโรเจอร์ได้เปิดบริษัททำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ RAMA LAMA และเสนอให้มีผู้ลงทุน หรือซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย

โดย ให้ผลตอบแทนสูง แต่เมื่อมีผู้ลงทุนกลับไม่ได้รับสินค้าหรือผลตอบแทนตามที่ตกลงกันไว้ ซึ่งมีผู้ได้รับความเสียหายกว่า 10 ราย มูลค่า 1.2 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยผู้ที่ได้รับความเสียหายส่วนใหญ่เป็นชาวอเมริการ และแคนาดา

 หลัง จากได้รับการประสาน ทางตรวจค้นเข้าเมืองภูเก็ตได้ตรวจสอบข้อมูลการเดินทางเข้าออกของนาย โรเจอร์ ฯ พบว่า เดินทางเข้าประเทศไทยครั้งสุดท้ายเมื่องเดือน ก.พ. 2552 ได้รับการลงตราประเภท ผ.30 และต่อมาได้ยื่นคำร้องของอยู่ในราชอนาจักรประเภท Retirement ได้รับอนุญาตให้อยู่ประเทศไทยถึงวันที่ 8 ก.ค.2555 จึงได้ดำเนินการเพิกถอนการอนุญาตอยู่ในราชอนาจักรเนื่องจากมีพฤติกรรมที่น่า เชื่อว่าเป็นภัยต่อสังคม หรือเป็นอันตรายต่อความสงบสุขหรือความปลอดภัยของประชาชนตามพรบ.คนเข้าเมือง เมื่อวันที่ 16 ส.ค. 2554

โดยในวันเดียวกันทางเจ้าหน้าที่ชุด จับกุมของตรวจคนเข้าเมืองภูเก็ตได้ออกสืบสวนจนพบว่านายโรเจอร์ อาศัยอยู่ที่บ้านเลขที่ 94/23 บ้านเก็ตโฮ่ ต.ทุ่งทอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต จังได้กักตัวไว้ตามพ.ร.บ.คนเข้าเมือง พร้อมประสานกับทางสถานทูตอเมริกา เพื่อผลักดันส่งกลับและดำเนินคดีที่ประเทศสหรัฐอเริกาต่อไป โดยในวันนี้จะส่งตัวนายโรเจอร์ ไปกักตัวที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองแห่งชาติ ซอยสวนพลู กรุงเทพฯต่อไป

ผู้จัดการออนไลน์


พ.ต.อ. ภานุวัฒน์ ร่วมรักษ์ ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมือง จ.ภูเก็ต พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจด่านตรวจคนเข้าเมือง ร่วมกันแถลงข่าวการควบคุมตัวนาย โจแจอร์ เอ มิลเลอร์ ( Mr.Roger A Miller) อายุ 59 ปี สัญชาติอเมริกัน

Thursday, August 11, 2011

อบต.กมลาปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติฯ บนเขาเก็ตหนี


เมื่อ วันที่ 9 สิงหาคม 2554 ที่บริเวณเทือกเขาเก็ตหนี ต.กมลา อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต นายวีระวัฒน์ จันทร์เพ็ญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดโครงการหนึ่งคน หนึ่งต้น หนึ่งฝน เพื่อปวงชนชาวไทย “ปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ” ซึ่งทางองค์การบริหารส่วนตำบลกมลา (อบต.กมลา) จัดขึ้น โดยมีนายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต, นายจุฑา ดุมลักษณ์ นายก อบต.กมลา ตลอดจนหน่วยต่างๆ ทั้งภาคส่วนราชการ และภาคเอกชน รวมถึงผู้นำท้องถิ่น และประชาชน เข้าร่วมกิจกรรม
โดย จัดให้มีการปลูกต้นไม้และปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำจืดลงในอ่างน้ำเก็ตหนี เพื่อเป็นการน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เพื่อเป็นการปลูกป่าและฟื้นฟูพื้นที่ป่าเสื่อมโทรมให้มีสภาพสมบูรณ์ ส่งเสริมให้ประชาชนรู้จักหวงแหนทรัพยากรธรรมชาติ พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ในจังหวัดภูเก็ต โดยให้หน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน ตลอดจนประชาชนทั่วไปได้ร่วมมือร่วมใจกันปลูกป่า และบำรุงรักษาทรัพยากรธรรมชาติ
นาย จุฑา ดุมลักษณ์ นายก อบต.กมลา กล่าวว่า ปัจจุบันปัญหาความเสื่อมโทรมของทรัพยากรป่าไม้ อยู่ในขั้นวิกฤตและส่งผลกระทบให้เกิดปัญหาต่อสิ่งแวดล้อมจำนวนมาก ดังนั้น การป้องกันรักษาทรัพยากรป่าไม้ที่เหลือให้คงอยู่และให้ได้รับการฟื้นฟูให้ คืนความอุดมสมบูรณ์ ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน จึงได้จัดโครงการดังกล่าวขึ้นเป็นปีที่ 3 เพื่อเป็นการสร้างจิตสำนึกการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ให้เกิดขึ้นแก่เยาวชน และประชาชนที่อยู่ในเขตพื้นที่ตำบลกมลา

สลด ขับรถหรู ตกบึงน้ำตาย กลางหมู่บ้านแลนด์แอนด์เฮ้าส์


 
เมื่อ วันที่ 9 สิงหาคม 54 ร.ต.ท.นิติกรณ์ ระวัง ร้อยเวรสภ.ฉลอง อ.เมืองภูเก็ต รับแจ้งจากพนักงานรักษาความปลอดภัยภายในหมู่บ้านแลนด์แอนด์เฮ้า ว่า มีรถยนต์ แหกโค้งตกลงในสระน้ำกลางหมู่บ้านแลนด์แอนด์เฮ้าส์ ม.8 ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต ขอให้เดินทางไปตรวจสอบด้วย หลังจากได้รับแจ้งก็ได้รายงานผู้บังคับบัญชาทราบ จากนั้นก็ได้เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.ท.พาชัย มัธยันต์ สวป.สภ.ฉลอง เจ้าหน้าที่ศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยวองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต และเจ้าหน้าที่มูลนิธิภูเก็ตร่วมใจกู้ภัย
ที่เกิดเหตุ เป็นหมู่บ้านชื่อดัง โดยบึงน้ำขนาดใหญ่อยู่ภายในหมู่บ้านแลนด์แอนด์เฮ้าส์ กลางบึงน้ำพบรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นเฟอร์จูนเนอร์ สีขาว หมายเลขทะเบียน กธ- 9374 ภูเก็ต คว่ำหงายท้องอยู่ในบึงน้ำดังกล่าวพบชาวบ้านและพนักงานรักษาความปลอดภัย กำลังลงไปช่วยเหลือคนที่ติดอยู่ภายในรถ จำนวน 2 คน โดยคนแรกเจ้าหน้าที่สามารถช่วยเหลือให้ออกจากตัวรถได้ และได้พยายามช่วยชีวิตโดยการปั้มหัวใจ แต่ก็ไม่สามารถช่วยเหลือได้ เสียชีวิตในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบทราบชื่อคือ นางสาวโกดีนสกา ลิเลีย อายุ 36 ปี สัญชาติยูเครน ส่วนอีกคนเจ้าหน้าที่ไม่สามารถช่วยเหลือออกมาได้ ต้องใช้รถบรรทุกลากให้รถที่อยู่ในบึงเข้ามาใกล้ฝั่ง เจ้าหน้าที่ก็ได้เข้าทำการช่วยเหลือ แต่แล้วก็สายเกินไป ไม่สามารถช่วยเหลือได้ทัน จากการตรวจสอบทราบชื่อนางเอลีน่า เอฟซีว่า อายุ 39 ปี สัญชาติรัสเซีย จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบบริเวณที่เกิดเหตุ พบบริเวณทางเท้า และต้นไม้ข้างถนนได้รับความเสียหาย คาดว่าจะถูกรถยนต์คันดังกล่าวชนได้รับความเสียหาย จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ก็ได้จัดทำบันทึกสถานที่เกิดเหตุ ก่อนที่จะมอบศพผู้เสียชีวิตให้เจ้าหน้าที่มูลนิธินำส่งรพ.วชิระ เพื่อให้แพทย์เวรได้ทำการชันสูตรโดยละเอียดต่อไป
จาก การสอบสวนก็ทราบว่า นางเอลีน่า เอฟซีว่า อายุ 39 ปี ทำธุรกิจเปิดบริษัททัวร์รัสเซีย อยู่ที่ตำบลกะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต และเปิดร้านจำหน่ายอาหารซีฟู้ด อยู่ที่ บ้านบางเทา ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จนมีฐานะร่ำรวย โดยซื้อบ้านอยู่ในหมู่บ้านดังกล่าว ซึ่งอยู่ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 100 เมตร โดยในช่วงเช้าของวันที่ 9 ส.ค.นี้ นางเอลีน่า ได้เดินทางไปทำใบขับขี่รถยนต์ที่ขนส่งจังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นความฝันของผู้ตายว่า มาอยู่เมืองไทยแล้วต้องสอบใบขับขี่รถยนต์ในประเทศไทยให้ได้ และก็สามารถสอบออกใบขับขี่รถยนต์ได้ดังใจหวัง
หลังจากกลับ จากการทำใบขับขี่ ผู้ตายก็ได้โทรศัพท์ไปบอกนางสาวโกดีนสกา เพื่อนสาวที่ทำงานอยู่ฝ่ายการตลาดบริษัท ภูเก็ต สเน็คโชว์ จำกัด ม.5 ต.ฉลอง และได้นัดหมายกันเพื่อฉลองความสำเร็จในการทำใบขับขี่ประเทศไทยเป็นครั้งแรก นอกจากนี้ยังเป็นการเลี้ยงฉลองที่นางเอลีน่า เตรียมจะเดินทางไปเที่ยวช๊อปปิ้งที่ประเทศสิงค์โปร์กับเพื่อนสาวชาวไทย ซึ่งการเดินทางในครั้งนี้เป็นครั้งแรกของผู้ตาย และจะเดินทางในวันที่ 10 สิงหาคม 54 จนกระทั่งเวลานัดหมายนางสาวโกดีนสกา ก็ได้เดินทางมาหานางเอลีน่า ที่บ้านพักในหมู่บ้านดังกล่าว จากนั้นทั้งคู่ก็ขับรถยนต์คันดังกล่าวออกไปฉลองกัน โดยมีนางเอลีน่า เป็นคนขับ และนางสาวโกดีนสกา นั่งด้านข้างคนขับ จนกระทั่งถึงเวลากลับบ้าน ทั้งคู่ก็ได้เดินทางกลับเข้าหมู่บ้าน และถึงที่เกิดเหตุ ซึ่งห่างจากบ้านประมาณ 100 เมตร รถเกิดเสียหลัก ปีนทางเท้า และชนต้นไม้ข้างถนน แล้วรถก็ได้พุ่งลงไปในบึงน้ำกลางหมู่บ้าน เจ้าหน้าที่พนักงานรักษาความปลอดภัยที่เห็นเหตุการณ์พยามยามเข้าไปช่วยเหลือ แต่ไม่สามารถช่วยเหลือได้ จนกระทั่งเสียชีวิตดังกล่าว
ใน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดว่าผู้ตายน่าจะเหยียบเบรก แต่ด้วยความไม่ชำนาญ กลับไปเหยียบผิดกลับไปเหยียบคันเร่ง ทำให้รถพุ่งชนทางเท้า และต้นหมาก ก่อนที่รถจะพลิกคว่ำลงไปในบึง หรือในระหว่างที่ขับรถอยู่นั้น สิ่งของของผู้ตายตกลงบนพื้นที่ และผู้ตายก็ได้ก้มลงหยิบ ทำให้รถเสียหลักพุ่งตกคลองจนทำให้เสียชีวิตทั้งคู่

Sunday, August 7, 2011

รถแก๊ประเบิดที่ทุ่งมะพร้าว จ.พังงา

images by uppicweb.com
Thanks: ฝากรูปฟรี เว็บไซต์สำเร็จรูปราคาถูก


จุดรถแก็ประเบิด ที่แหลกละเอียด พร้อมรถบรรทุกปลาทู ที่เห็นรถยนต์ข้างหน้าคือรถโดยสารของบจง.สายตะกั่วป่า - ภูเก็ต เลยไปอีกก็จะเป็น สถานีอนามัยทุ่งมะพร้าว และยังมีรถแก็ปที่ยังไม่ระเบิด จอดอยู่อีก 1 คัน ถ้าคันนี้ระเบิดขึ้นมาอีก คนจะตายมากกว่านี้ ที่พื้นถนนลาดยางจะเต็มไปด้วยเศษเนื้อมนุษย์และเนื้อปลาปะปนเต็มพื้นจนมองไม่เห็นพื้นสีดำของถนนลาดยาง     ที่มาของภาพ :


http://www.thaijustice.com/webboard.asp?sub=0&id=1412730


ชีวิตนักข่าว ตอน...รถแก๊ประเบิดที่ทุ่งมะพร้าว
โดย ณรงค์ ชื่นนิรันดร์
ผู้สื่อข่าว ผู้รายงานข่าว นักสื่อสารมวลชน จะเรียกอย่างไรก็แล้วแต่ สุดท้ายก็จะรู้จักในนาม นักข่าว ซึ่งหมายถึง ผู้ที่นำเอาสารไปเผยแพร่ ให้ผู้รับสารได้รับรู้ข้อมูลข่าวสาร ที่รวดเร็วทันใจ และทันที สารหรือข้อมูลที่ว่านั้น จะมีข้อความเป็นอย่างไร ก็ค่อยว่ากันในรายละเอียด แต่ที่แน่นอนที่สุดก็คือ ก่อนที่ผู้รับสาร จะได้รับทราบข้อมูล นักข่าวก็จะต้องได้ข้อมูลมาก่อน


เหตุการณ์ที่จะเล่าให้ฟังและต้องจดจำตลอดชีวิต ขณะที่ผมนั่งตัดต่อข่าว ที่สถานีโทรทัศน์ช่อง 9 ภูเก็ต ต่อมาเปลี่ยนเป็นช่อง 11 ภูเก็ต เมื่อวันที่15 กุมภาพันธ์ 2534 เวลา ประมาณ 17.00 น .ผมได้รับแจ้งจากเพื่อนร่วมงานในสถานีว่า มีเหตุรถระเบิดที่สวนมะพร้าว มีคนเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ทันทีที่ได้รับแจ้ง ผมโทรศัพท์ตรวจสอบข้อมูลข่าวในทันที สิ่งแรกที่ทำคือ โทรศัพท์ไปที่ 191 ศูนย์รวมข่าวพรหมเทพภูเก็ต เพราะมีทางเดียวเท่านั้นที่จะรู้ว่า เกิดเหตุขึ้นที่ไหน แต่ผมได้รับคำตอบว่า ไม่มีเหตุเกิดที่สวนมะพร้าว ซึ่งเป็นหมู่บ้านหนึ่ง ในบ้านคอเอน ตำบลไม้ขาว อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต แน่นอนผมถามย้ำไปหลายครั้ง 191 ก็ยังยืนยันว่า ไม่มีเหตุจริง ๆ


ผมเองก็สบายใจขึ้นว่า คงไม่มีเหตุการณ์รุนแรง อาจจะมีการแจ้งข่าวลวง ของคนชอบเล่นตลก ซักพักประมาณเกือบทุ่มหนึ่ง ก็มีน้องที่ทำงานร่วมกันที่สถานีและบ้านก็อยู่ใกล้กับโรงพยาบาล ก็โทรมาบอกว่า มีคนเจ็บจากเหตุระเบิดมารักษาตัวที่ โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต และได้รับรายงานว่า เหตุเกิดที่บ้านทุ่งมะพร้าว ตำบลทุ่งมะพร้าว อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา มีคนเจ็บและตายนับร้อยคน ไม่ใช่บ้านสวนมะพร้าว ที่อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต โอ้ย...ตายแล้ว ผมรีบฉวยกล้องวีดีโอ บึ่งรถลงจากภูเขารังอันเป็นที่ทำงาน ไม่ถึง 3 นาที ผมก็ถึงโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ซึ่งอยู่ใกล้กัน เพียงลงจากเขาประมาณ 300 เมตรก็ถึงแล้ว


ไม่ใช่เรื่องตลกแน่ ผมตรงดิ่งไปที่ห้องฉุกเฉิน พบผู้หญิงวัยกลางคน รูปร่างผอมสูง หน้าตาดูมอมแมม เหมือนกับไปคลุกฝุ่นมาใหม่ ๆ สวมเสื้อผ้าฝ้าย ดูเก่าเก็บ ทรงผมกระเซิง ตั้งชัน เหมือนกับโดนผีหลอก ความจริงแกไม่ได้รับบาดเจ็บมากนัก เพียงแต่ประสาทหู ได้รับแรงอัดของระเบิดอย่างหนัก ทำให้หูอื้อ ผมเริ่มติดต่อขอสัมภาษณ์ทันที ซึ่งเธอก็ตกลง แต่กว่าจะพูดเข้าใจ ก็ต้องใช้เวลานาน


"น้าครับ เรื่องมันเกิดขึ้นยังไงครับ เล่าให้ฟังหน่อย " ผมตั้งคำถาม


"คือ ฉัน นั่งรถโดยสาร สายตะกั่วป่า - ภูเก็ต ออกจาก ภูเก็ต เที่ยว บ่าย 3 โมงเย็น ว่าจะไปตะกั่วป่า เพื่อหาญาติ ที่นั่น " น้าแกเริ่มเล่า ซุ่มเสียงดูแหบพร่า เวลาจะฟังคำถามจากผม แกจะเอียงหู เพราะแกไม่ค่อยได้ยิน เนื่องจาก แรงจากระเบิดทำให้หูแกไม่ค่อยได้ยิน และน้าแกก็เล่าต่ออีกว่า 


"เมื่อรถโดยสาร วิ่งมาถึง บ้านทุ่งมะพร้าว ก็มองเห็นว่า มีรถบรรทุกสิบล้อพ่วง ขนวัตถุระเบิด พลิกคว่ำ อยู่ข้างทาง บริเวณนั้น เป็นทางโค้งรูปครึ่งวงกลม เป็นย่านชุมชน มีตลาดนัด รถโดยสารที่ฉันนั่ง ติดอยู่เป็นคันที่ สาม คันหน้าเป็นรถขนวัตถุระเบิดที่ยังไม่ระเบิด ถัดออกไป คันที่อยู่ติดกับ รถพ่วง ที่ขนระเบิด เป็นรถปิกอัพบรรทุกปลา จะไปส่งที่ตะกั่วป่า "น้าแกพยายามลำดับเหตุการณ์ ให้ฟัง อย่างกระท่อนกระแท่น เพราะยังตระหนกกับเหตุการณ์ที่เกิด ขึ้น และเล่าต่อไปว่า


" ตอนนั้นยืนอยู่ตรงช่องทางเดินตรงกลางของรถ ข้างหน้ามีผู้หญิง และผู้ชายยืนขวางหน้าอยู่ ทุกคนก็ชะโงกหน้า ดูว่าข้างหน้าเกิดอะไรขึ้น ตอนนั้นรถยังไม่ระเบิด มองออกนอกหน้าต่างรถ ก็เห็นชาวบ้านมุ่งดู รถคว่ำ บางคนก็หยิบฉวยเอาแก๊ประเบิด หอบติดมือไป ตำรวจที่อยู่ในที่เกิดเหตุ เห็นยืนอยู่บนรถพ่วงระเบิดที่พลิกคว่ำอยู่ ร้องตระโกนห้ามชาวบ้านว่า อย่าเอาไป แต่ชาวบ้านก็ไม่ฟัง ตอนที่ ฉันจะลงจากรถโดยสาร ก็ได้ยินเสียงดัง บึม... แล้วตัวฉันก็ลอย ขึ้นไปบนหิ้งวางของที่อยู่ติดเพดานหลังคารถ ไม่รู้มันลอยขึ้นไปยังไง สิ้นเสียงระเบิด รอบกายมีแต่ความมืดมิด มีแต่ควัน พอควันจางลง คนที่ยืนอยู่ข้างหน้าฉันนอนตายอยู่ตรงหน้า ตอนนั้นไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น สักพัก ก็มีคนขึ้นมาช่วย ไม่รู้เหมือนกันว่า มีคนตายมากน้อยแค่ไหน " 


ผมฟังแกเล่าเสร็จ ก็คิดทันทีว่า ต้องไปที่เกิดเหตุเดี๋ยวนี้ ทุ่งมะพร้าวอยู่ตรงไหนหว่า ตอนนี้ก็เกือบ 2 ทุ่มแล้ว เวลาที่จะออกข่าวก็ไม่มี นอกจากจะแทรกในรายการ ตกลงว่า ไม่ไปที่เกิดเหตุ แต่จะเดินทางไปทำข่าว ในเช้าวันรุ่งขึ้น ทั้ง ๆ ที่อยากจะออกเดินทางไปเดียวนี้เลย แต่ก็ติดขัดเรื่องรถ และช่างภาพ ที่ไม่รู้ไปเที่ยวที่ไหน


ผมฟังด้วยความตื่นเต้น และคาดไม่ถึง ว่าจะมีเรื่องแบบนี้ ทั้งที่ผมก็พบเหตุการณ์เครื่องบินตก ที่ภูเก็ตเมื่อปี พ.ศ.2529 เหตุการณ์แก๊ประเบิด อะไรนี่ มีด้วยเหรอ และแก๊ปที่ว่านี่ มันมาจากไหน


รุ่งเช้าประมาณ 06.00 น.ผมพร้อมด้วย คุณปรีชา ออกเดินทางอย่างเร่งรีบ ไปยังจุดเกิดเหตุ ที่บ้านทุ่งมะพร้าว ตำบลทุ่งมะพร้าว อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา ตามคำบอกเล่าผู้ประสบเหตุ


ถนนเส้นนี้เป็นเส้นเดียวที่จะเดินทางไป จังหวัดสุราษฎร์ธานี และเป็นเส้นทางเดินรถขึ้นกรุงเทพ ที่สะดวกที่สุด โดยเส้นทางเมื่อขับรถข้ามไปสะพานสารสิน ถึงสี่แยกโคกกลอย ขับรถตรงขึ้นไปตามทางหลวงหมายเลข 4 ประมาณ 15 กิโลเมตรก็ถึง ตัวอำเภอท้ายเหมือง ขับรถต่อไปอีกประมาณ 12 กิโลเมตร ก็ถึง บ้านทุ่มมะพร้าว คุณปรีชา พนักงานขับรถคู่ใจผมเล่าให้ฟังว่า 


" แก้ว รู้ไหม เมื่อก่อน...รถของสถานีเราเคยไปคว่ำที่นั่น สมัยก่อนเราใช้รถแลนด์โรเวอร์ รถค่อนข้างสูง " คุณปรีชา เรียกชื่อเล่นของผมจนติดปาก ก่อนที่จะหันหน้ามามองผม แล้วเล่าต่อไปว่า 


"บริเวณที่รถคว่ำตรงนั้น ใครขับรถประมาท คว่ำทุกราย เพราะถนนเป็นทางโค้งรูปครึ่งวงกลม กว่าจะขับจนสุดโค้ง คนขับที่ไม่เคยทางนึกว่าโค้งหมดแล้ว ก็คว่ำทุกราย บางที บนพื้นถนน ก็มีน้ำมัน เหมือนจงใจ ให้รถที่วิ่งมารื่น แล้วก็เกิดอุบัติเหตุ พลิกคว่ำ คันไหนบรรทุกของมา ก็จะมีคนแถวนั้นวิ่งมาขนของ ทำกันเป็นล่ำเป็นสัน เลย แก้ว " 


"เอ้า...อย่างนี้ก็ต้องเรียกว่าโจร นะซี " 


"ก็คงจะยังงั้นล่ะ มันเกิดขึ้นบ่อยมาก เกิดกลางวัน ก็จะมีคนมาขนของเอาแบบไม่เกรงกลัวกฎหมาย"


"แล้วตอนที่ รถสถานีไปคว่ำที่นั่น โจรมันขนเอาอะไรไป "


"จำได้ว่า แม่แรงหาย นี่ขนาดแม่แรงมันยังเอา"


"ขนาดนั้นเลย เหรอพี่"


ผมมองดูสองข้างทางที่รถวิ่งผ่าน เป็นป่าสวนยางสลับกับป่าทึบ ถ้ามากลางคืน จะมืดมาก ดูน่ากลัว ขนาดตอนเช้า ยังดูวังเวง รถจะวิ่งผ่านสักคัน ก็หายาก ใจอยากจะลงไปนอน บนถนน แล้วก็นอนรอรถ เมื่อมีรถมาค่อยลุก กว่ารถจะมาคงจะนานน่าดู 


ผมไปถึง ที่เกิดเหตุก็ประมาณ 08.00 โมงเช้า การเดินทางค่อนข้างช้าเพราะเส้นทางแคบ จุดเกิดเหตุ อยู่ริมทางหลวงหมายเลข 4 เป็นหมู่บ้านทุ่งมะพร้าว ตำบลทุ่งมะพร้าว อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา ซึ่งตำรวจได้กั้นบริเวณจุดเกิดเหตุไว้ เพราะยังมีรถบรรทุกแก๊ปอีกคันหนึ่งที่ยังไม่ระเบิด แต่ก็พร้อมที่จะระเบิดขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ได้ ที่มันอยากจะระเบิด และไม่มีใครตอบได้ ว่าจะระเบิดขึ้นมาเมื่อไหร่


ผมลงจากรถบริเวณหน้าวัดประชุมศึกษา พร้อมกล้องวีดีโอ ออกหาข้อมูล พบว่า บริเวณใกล้จุดเกิดเหตุมีอาคารอเนกประสงค์ หลังคาเป็นกระเบื้อง แตกเสียหายหมด ลักษณะการแตกจะเป็นรู เหมือนกับมีก้อนหินหรือลูกเห็บขนาดเท่ากำปั้นหล่นลงใส่หลังคา ถ้าจะซ่อมก็ต้องเปลี่ยนทั้งแผ่น ส่วนโรงเรียนวัดประชุมศึกษา ที่ตั้งห่างออกไป ประมาณ 300 เมตร หลังคาได้รับความเสียหายเหมือนกัน แต่ก็ไม่มากนัก ถัดไปเป็นสถานีอนามัยบ้านทุ่งมะพร้าว เสียเกือบทั้งหลัง


ผมเดินตรงไปที่สถานีอนามัยบ้านทุ่งมะพร้าว และอยู่ในรัศมี ของแรงระเบิด ดูภายนอก กระจกหน้าต่างแตกเสียหายทุกบาน เพราะถูกแรงอัดของระเบิด ผมถ่ายภาพวีดีโอ ข้างนอกเสร็จก็เดินตรงขึ้น บันได ประมาณ 3-4 ขั้นก็อยู่บนตัวอาคาร ภาพที่อยู่ตรงหน้าผมแทบไม่เชื่อสายตา เป็นล้อยางรถยนต์ พร้อมด้วยเพราหลังรถ 10 ล้อ หนึ่งข้าง เป็นของคันที่ระเบิด ตกอยู่ตรงกลางห้อง สภาพภายในห้อง มีเศษกระเบื้อง โต๊ะทำงานที่แตกหัก จากแรงกระแทกของยางรถ สิบล้อ ผมเหลือบไปเห็นนาฬิกาแขวน หล่นอยู่ และเข็มนาฬิกาหยุดนิ่งตรงที่ เวลา 17.05 น. ผมรีบเก็บภาพทันที เพราะนี่คือเวลาที่เกิดระเบิดที่แท้จริง นั่นคือหลังจากเกิดเหตุระเบิดขึ้นมาไม่กี่วินาที ล้อรถสิบล้อ จะต้องกระเด็นจากแรงระเบิด ตกลง ทะลุกลางหลังคาสถานีอนามัยบ้านทุ่งมะพร้าว เศษอิฐเศษปูนต่าง ๆ ก็ไปกระทบกับนาฬิกา ทำให้นาฬิกาหยุดทันที ที่เวลา 17.05 น. โดยที่นาฬิกาไม่ได้รับความเสียหาย ซึ่งเป็นหลักฐานที่ยืนยันว่า รถแก๊ประเบิดก่อนเวลา 17.05 น.เล็กน้อย ผมเก็บภาพไปด้วย และก็สอบถามคุณสมชัย ว่าเกิดอะไรขึ้น


คุณสมชัย เล่าให้ผมฟัง ในอาการที่ยังตื่นเต้นต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อตอนค่ำวานนี้ว่า
" เมื่อวานนี้ ประมาณ สี่โมงเศษ ๆ เห็นขบวนรถวิ่งผ่านหน้าสถานีอนามัย ไปทางตะกั่วป่า รถตำรวจทางหลวง ที่นำขบวน วิ่งนำเร็วมาก ถึงแม้นว่า บริเวณนั้นจะเป็นทางโค้ง และก็เกิดอุบัติเหตุบ่อยมาก ทั้งรถยนต์ รถจักรยานยนต์ คนขับรถพ่วงแก็บ ระเบิด คงจะไม่เคยทาง ขับเข้าโค้งเร็วมาก ควบคุมรถไม่อยู่ก็เลย พลิกคว่ำ "


ผมซักคุณสมชัยว่า "รู้ไหมว่า ทำไมมันถึงระเบิดขึ้นมา"


"อันนี้ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่า มันเกิดขึ้นยังไง เพราะรถคว่ำเมื่อเวลาประมาณ สี่โมงเย็นก็เกือบ ห้าโมงแล้ว ตำรวจก็มา ชาวบ้านก็มามุงดู บางคนก็ขนเอาแก๊ปกลับบ้านเป็นกล่อง ๆ ตำรวจก็ตะโกนห้ามว่าอย่าเอาไป " 


"คุณรู้ไหม ชาวบ้านเขาขนแก๊ประเบิดไปทำไม ทั้ง ๆ ที่ตำรวจก็ห้าม "


คุณสมชัยอธิบายให้ฟังว่า "มีชาวบ้านเขาคุยกันว่า แก๊ปที่ว่านี่ หากเอาไปจุด เป็นชนวนระเบิด สามารถทำได้ ชาวบ้านที่รู้ก็เลยมาขนกันใหญ่ เพื่อจะเอาไปทำเป็นระเบิดปลา ทีนี่ไม่รู้ว่าใครขนไปมั่ง จนเกิดเหตุระเบิดขึ้นมานี่แหล่ะ "


ผมคุยกับคุณสมชัย ก็พอได้ข้อมูลขึ้นมาบ้าง ว่าเหตุมันเกิดจากอะไร แต่ก็โชคดีที่เจ้าหน้าที่สถานีอนามัยไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ เพราะเหตเกิดุหลังจากที่เลิกงานแล้ว ทุกคนก็เลยกลับบ้านกันหมด


ผมเดินลงจากสถานีอนามัย ไปถ่ายวีดีโอรอบ ๆ สถานีอนามัย บริเวณนั้นเป็นร้านซ่อมมอเตอร์ไซด์ ด้านข้างของร้านผมพบเศษเนื้อและเศษกะโหลก ของคนตกอยู่หลายชิ้น อยู่ในสภาพเหมือนกับ เศษผ้าขี้ริ้วเก่า ๆ ที่เปื้อนฝุ่น ผมเก็บภาพไว้ และก็เดินไปหาเจ้าร้านซ่อมมอเตอร์ไซด์ เพื่อสอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้


เฮียตี๋ เล่าให้ฟังว่า "เมื่อวานนี้ มีการถ่ายทอดมวยชิงแชมป์โลก มีนักชกไทยป้องกันแชมป์โลกคือ สด จิตลดา ถ่ายทอดโทรทัศน์ทางช่อง 7 เวลา ประมาณ 5 โมงเย็น นี่ถ้าไม่มีมวยต่อยกันนะ ตายมากว่านี้ เพราะคนจะต้องไปดูรถคว่ำ ผมเองก็อยู่ที่บ้าน ดูมวยกะว่าดูมวยเสร็จก็จะไปดูเหมือนกัน ถ้าไปดูรถคว่ำปานนี้คงไม่ได้มาเล่าให้ฟัง ผมพูดอยู่นี่ก็ยังเสียว ไม่รู้รอดตายมาได้ยังไง หูผมยังอื้ออยู่เลย เสียงดังของระเบิดดังมาก "


ผมคุยกับเฮียตี๋ ซักพัก หน่วยทหารที่เกี่ยวกับวัตถุระเบิด ก็เข้ามาในพื้นที่ ขณะที่ บริเวณจุดเกิดเหตุยังไม่เปิดให้สื่อมวลชนเข้าไปถ่ายภาพ เพราะต้องการเก็บหลักฐานจากที่เกิดแหตุ


ผมพบกับทหารนายหนึ่ง ซึ่งน่าจะเป็นแหล่งข้อมูลได้ ผมติดต่อขอข้อมูล ทันที แน่นอนการสัมภาษณ์โดยใช้กล้องถ่าย ถูกตอบปฏิเสธทันที เพราะไม่ใช่ผู้บังคับบัญชา ที่จะมีอำนาจให้สัมภาษณ์ได้ เอาหล่ะถ้าไม่ได้ผมก็สอบถามหาข้อมูลเบื้องต้นก็แล้วกัน


นายทหารเล่าให้ฟังว่า "แก๊ประเบิดนี่ครับ ส่งมาจากประเทศอินเดีย ของบริษัท แม็คเคมซับพลาย จำกัด โดยขนส่งทางเรือ แล้วจากนั้นก็ขนขึ้นรถบรรทุกของบริษัท ฟักทองผล จำกัด มีสำนักงานอยู่ที่ จังหวัดภูเก็ต โดยขนวัตถุระเบิดจากท่าเรือน้ำลึกภูเก็ต ลำเลียงไปใช้งาน ที่จังหวัดสระบุรี เพื่อนำไปใช้ระเบิดหิน "


"ลักษณะของแก๊ประเบิดที่ว่า นี่ มันมีหน้าตาเป็นยังไง"


"อ๋อ แก๊ประเบิดที่ว่า นี่ ครับ เหมือนกับลูกปะทัดนี่แหละครับ แต่ออกสีเขียวแทนที่จะเป็นสีแดงเหมือนกับปะทัด ที่ปลายอีกด้านหนึ่งจะมีสายชนวนยื่นออกมาก "


"วิธีใช้ ทำยังไงครับ"


"โดยตัวของมันเองอานุภาพไม่ค่อยร้ายแรงเท่าไหร่ ความแรงก็เหมือนกับประทัดนี่แหล่ะ ครับ วิธีใช้ ก็จะเอาแก๊ปไปสอดใส่ ในไดนาไมท์ ที่เป็นแท่งเท่าซิก้า ที่เราเคยเห็นในหนังนั่นแหล่ะ หรือเอาไปสอดใส่ในเพาเวอร์เจล ถ้าจะระเบิดตรงไหนก็เอาแท่งไดนาไมท์ ที่ว่านี่ครับ ไปวางไว้ แล้วก็ จุดชนวน แก๊ปก็จะไปจุดระเบิดของ ไดนาไมท์ อานุภาพการระเบิดก็จะรุนแรง ทำลายล้างได้มาก "
"ผมชักจะสงสัย ว่า เอทำไม อยู่ ๆ รถมันระเบิดขึ้นมาเอง ครับ" 


นายทหารอธิบายอีกว่า "ผมเข้าใจว่า คงจะมีใคร แอบจุด แก๊ปที่ว่านี่ หรือไม่ก็อาจจะเป็นคลื่นวิทยุที่ติดต่อสื่อสารกันก็เป็นได้ หรืออาจจะเกิดจากความร้อน ที่แก๊ปทับถมกันจนถึงจุดหนึ่ง ก็เลยทำให้เกิดระเบิดขึ้นมาได้ ครับ "


"สรุปว่า สาเหตุของการระเบิดเกิดขึ้นถึง 3 ประเด็น ใช่ไหมครับ."


"ครับก็คงจะใช่ หละครับ แต่ประเด็นที่เป็นไปได้มากที่สุด คือ ต้องมีคนเอาไฟไปจุดแก๊ประเบิด ส่วนสาเหตุที่ว่าสัญญาณวิทยุสื่อสาร ไปเป็นจุดระเบิดก็มีความเป็นไปได้ครับ เท่าที่ทราบข้อมูลรถพลิกคว่ำ ก็เกือบ 5 โมงเย็นแล้ว ไม่ได้ระเบิดขึ้นมาทันที ถ้าระเบิดเกิดขึ้นทันทีหลังรถคว่ำก็บอกได้เลยว่าเกิดจากแรงเสียดสี ของแก๊ประเบิด " 


หลังจากที่ผม ได้ข้อมูลของแก๊ประเบิดแล้ว ก็ได้รับประกาศจากทหารว่า ขอให้ชาวบ้านหรือผู้ที่ขนเอาแก็ประเบิดไป ให้นำมาคืน เพราะเป็นวัตถุอันตราย ขณะที่ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 425 ตะกั่วป่า เข้าไปเก็บกู้แก็ประเบิดที่กระเด็นไปติดค้างบนต้นไม้ รอบ ๆ บริเวณจุดเกิดเหตุ ซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมาก 


ผมเริ่มเข้าเก็บภาพบริเวณที่เกิดเหตุ เป็นภาพที่ติดตาผมมาจนถึงทุกวันนี้ สภาพอาคารบ้านเรือนในรัศมี 10 เมตร ถูกแรงระเบิดพังทั้งหลัง เหลือแต่โครงสร้างของบ้าน และคนที่อาศัยอยู่ในบ้าน เสียชีวิตทันที จากแรงอัดของระเบิด ผมเดินเข้าไปที่บริเวณจุดเกิดเหตุ พบว่า ถนนเต็มไปด้วยเศษเนื้อมนุษย์ และเศษปลาทู เพราะมีรถขนปลาทูจอดอยู่ใกล้กับรถแก็ประเบิด ที่ได้รับความเสียหายจากแรงระเบิด ศพผู้เสียชีวิต ถูกห่ออยู่ในผ้าขาว เรียงรายอยู่บนถนนลาดยาง ปะปนกับเศษเนื้อมนุษย์ นับได้จำนวน 203 ศพ ผมต้องเดินฝ่าซากศพและซากปลาทูเข้าไปถ่ายวีดีโอ ภาพที่ผมตะลึงก็คือ พบซองปืนตำรวจขนาด .38 ที่ตกอยู่ แล้วศพตำรวจอยู่ที่ไหนหล่ะ ผมสอบถามตำรวจที่อยู่ในที่เกิดเหตุ ก็ได้รับคำตอบว่า ตำรวจที่เป็นร้อยเวร ละลายไปกับแรงระเบิด เพราะตอนเกิดเหตุร้อยเวรยืนอยู่บนรถแก็ป คิดดูเอาเองก็แล้วกัน ระเบิดเต็มคันรถสิบล้อ และยังมีอีกในรถพ่วง หากเกิดระเบิดพร้อมกัน นายตำรวจคนนั้นก็ต้องหายวับไปกับตา สิ่งที่เหลือให้เห็นว่าเป็นตำรวจก็คือ ซองปืนพกสั้น โอ้อนิจจา


และในตอนบ่ายวันนั้น กองทัพนักข่าวทั้งไทยและต่างประเทศ ต่างแห่กันมาทำข่าว เต็มไปหมด ขณะที่ พลเอกชาติชาย ชุณหวัน นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยรัฐมนตรีหลายคน ลงพื้นที่มาดูเหตุการณ์ โดยคณะทั้งหมด เดินเข้าพื้นที่จุดระเบิด ที่ยังมีศพห่อด้วยผ้าขาวเรียงราย และไปเยี่ยมบ้านเรือนที่อยู่ใกล้ ผมต้องชื่นชมการทำงานของ พลเอกชาติชาติ  ที่ลงมาดูเหตุการณ์ด้วยตาตัวเองหลังจากที่เกิดเหตุไม่ถึง 24 ชั่วโมง และพร้อมให้สัมภาษณ์ ว่าจะให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยทุกคน เย็นวันนั้นนายกชาติชาย ก็เดินทางกลับกรุงเทพ ฯ 


รุ่งขึ้นวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2534 ญาติผู้สูญเสียชีวิตได้นำศพไปเผาที่เมรุวัดประชุมศึกษา ที่อยู่ห่างจากจุดที่เกิดเหตุไปประมาณ 400 เมตร แต่จำนวนศพถึง 203 ศพ เมรุเล็ก ๆ ไม่สามารถเผาได้ทัน ทางการจึงจัดให้มีเมรุชั่วคราวเผาศพรวม โดยใช้บริเวณสนามกีฬาบาสเก็ตบอล ของวัดประชุมศึกษา เป็นบริเวณเผาศพ ที่มีการเผารวมมากที่สุด วันนั้น มีแต่ความเศร้าโศก เพราะบางคนสูญเสียหมดทั้งครอบครัว บางคนพ่อแม่ตายหมด ต้องอยู่คนเดียว 


วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2534 นับว่าเป็นพระมหากรุณาธิคุณของชาวบ้านทุ่งมะพร้าว ที่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยาม ฯ มกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนิน พระราชทานสิ่งของแก่ญาติผู้เสียชีวิต และทรงเยี่ยมราษฎรที่มาเข้าเฝ้าอย่างใกล้ชิด การเสด็จมาครั้งนี้เพื่อเป็นการปลอบขวัญแก่ผู้สูญเสีย นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณ ล้นเกล้าล้นกระหม่อม ที่ทรงห่วงใยพสกนิกรของพระองค์


การสูญเสียครั้งนี้ ทำให้เกิดถนนสายเลี่ยงเมืองเกิดขึ้น รถบรรทุกหรือรถที่จะเป็นอันตรายไม่ต้องแล่นผ่านบ้านทุ่งมะพร้าวอีกนอกจาก รถโดยสารประจำทางเท่านั้นที่ยังคงใช้เส้นทางเดิม นอกจากนี้ชาวบ้านได้ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจาก บริษัท แม็คเคมซับพลาย จำกัด และได้รับค่าเสียหาย โดยศาลสั่งให้บริษัทชดใช้ค่าเสียหาย ส่วนความเสียหายของสถานที่ราชการ ที่มีการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย กำลังอยู่ในการพิจารณาคดีของศาลฎีกา โอ้นานจังเลย ....อาคารสถานีอนามัยก็สร้างใหม่สวยงาม โรงเรียนวัดประชุมศึกษาก็ได้อาคารหลังใหม่ แต่จิตใจของชาวบ้านทุ่งมะพร้าวต้องเยียวยา 


ต่อมาระหว่างปี  2540-2546  ผมไปรับราชการ ในจำแหน่งผ้สื่อข่าว 7 ที่ สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยตะกั่วป่า  จังหวัดพังงา ผมต้องขับรถยนต์ และบางทีก็นั่งรถยนต์โดยสารสายตะกั่วป่า-ภูเก็ต  ผ่านที่เกิดเหตุ  และผมก็ภาวนาให้ดวงวิญญาณที่เสียชีวิตในครั้งนั้น  ไปสู่สุขคติ  เพราะผมระลึกเสมอว่า ถนนช่วงที่ขับรถผ่าน  มีผู้เสียชีวิตตรงนั้นหลายร้อยคน  การที่รถเหยียบย่ำ  อาจจะไปรบกวน  สร้างความไม่พอใจแก่ผู้ล่วงลับได้ เรื่องนี้ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ 





* * * * * * * * * * * * * * *



ภูเก็ตเดือด-ศึกที่ดิน ระเบิดไล่ที่ บ้าน 3 หลังพินาศ - 25 พ.ย. 49

ภูเก็ตเดือด-ศึกที่ดิน ระเบิดไล่ที่ บ้าน3หลังพินาศ
โดย ข่าวสด วัน อาทิตย์ ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2549 07:36 น.
ต่อสายโยงตูมเดียวยับ แฉปมพิพาทครอบครอง

บึ้มไล่ที่- สภาพบ้านใหม่ 1 ใน 3 หลัง ซึ่งตั้งอยู่ในชุมชนคลองมุดง เมืองภูเก็ต ถูกวางระเบิดจนพังยับ ตร.สันนิษฐานเป็นความขัดแย้งในเรื่องที่ดิน โดยบริเวณดังกล่าวปล่อยรกร้างมานาน กระทั่งมีผู้อ้างกรรมสิทธิ์เพื่อสร้างบ้านจัดสรร ตามข่าว
ศึกที่ดินภูเก็ตเดือดถึงบึ้มบ้านไล่ที่ มือมืดต่อวางระเบิดบ้านสร้างใหม่แหลก 3 หลังรวด โดยทั้ง 3 หลังสร้างบนที่ดินว่างที่เคยเป็นพื้นที่ประทานบัตรเหมืองแร่ดีบุกแต่ทิ้งร้างมานาน ต่อมาช่วงหลังมีชาวบ้านเข้าไปสร้างบ้านจนเกิดกรณีพิพาทกัน มีทั้งวางเพลิงบ้านที่กำลังก่อสร้างและวางยาเบื่อหมาเพื่อข่มขู่ ตร.ตรวจพบคนร้ายใช้ระเบิดแสวงเครื่องแรงดันต่ำ ใช้สายไฟฟ้าเป็นตัวเชื่อมต่อแบบขนานจุดชนวนระเบิดพร้อมกัน
เมื่อเวลา 02.45 น. วันที่ 25 พ.ย. พ.ต.ท.อเนก มงคล สารวัตรเวรสภ.ต.ฉลอง รับแจ้งจากศูนย์วิทยุว่าเกิดเหตุระเบิดขึ้นที่ในชุมชนคลองมุดง ซอยทรงคุณ ม.1 ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต ได้รับความเสียหาย 3 หลัง จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.ชลิต แก้วยะรัตน์ ผกก.สภ.ต.ฉลอง นำกำลังเดินทางไปตรวจสอบ

เมื่อไปถึงพบว่า บ้าน 3 หลังดังกล่าวอยู่ในพื้นที่โล่งกว้าง บ้านหลังที่โดนแรงระเบิดอย่างจังคือบ้าน 2 ชั้นของนายสำเริง มุขวัฒน์ อายุ 33 ปี เจ้าของกิจการป้าแดงครัวใต้ มีภูมิลำเนาอยู่จ.นครศรีธรรมราช แรงระเบิดสร้างความเสียหายให้เกือบทั้งหลัง ปูนแตกกระจัดกระจาย แต่ไม่มีบุคคลภายในครอบครัวอยู่ภายในบ้าน นื่องจากเดินทางไปร่วมงานศพของญาติพี่น้องในตัวเมืองภูเก็ต จึงไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ

นอกจากนี้ยังมีบ้านเรือนของเพื่อนบ้านอยู่ใกล้เคียงกันห่างออกไปประมาณ 100 เมตร อีก 2 หลังถูกวางระเบิดเสียหายอย่างหนักเช่นกัน คือบ้านพักชั้นเดียวของนายชัยพจน์ หัสดี อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 43/6 หมู่ 1 ต.ฉลอง ซึ่งอยู่ระหว่างการตกแต่งภายใน มีญาติและคนงานพม่าพักผ่อนอยู่ แรงระเบิดทำให้นายยง คนงานพม่า ได้บาดเจ็บที่แขนและขา คนงานพม่าชายอีกคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ และหูได้รับความกระทบกระเทือนจนหูหนวก ส่วนหลังที่ 3 ห่างจากหลังที่ 2 ประมาณ 25 เมตร เป็นบ้านของนายยงยุทธ มีแก้ว อายุ 43 ปี บ้านเลขที่ 30/3 หมู่ 1 ต.ฉลอง กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้างใกล้จะแล้วเสร็จ ยังไม่มีผู้อยู่อาศัย

หลังตรวจสอบที่เกิดเหตุ พ.ต.อ.ชลิต สั่งการให้แจ้งวิทยุสื่อสารแจ้งให้เจ้าหน้าที่สายตรวจและเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ต่างๆ ตรวจสอบและสกัดกั้นคนร้ายที่ก่อเหตุแล้วหลบหนี รวมทั้งเก็บรวบรวมหลักฐานพยานเพื่อสอบสวนหาตัวคนร้ายต่อไป ทั้งนี้เจ้าหน้าที่วิทยาการตำรวจจังหวัดภูเก็ต สามารถเก็บรวบรวมชิ้นส่วนของระเบิดแสวงเครื่องแรงดันต่ำ ประกอบด้วย สายไฟฟ้ายาวประมาณ 200 เมตร ที่เชื่อมโยงบ้านพักที่ระเบิดทั้ง 3 หลัง ท่อพีวีซีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 6 นิ้ว ปุ๋ยยูเรีย เขม่าน้ำมันเบนซินและอุปกรณ์จุดระเบิดด้วยระบบไฟฟ้า เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดจาก กก.ตชด.ที่ 42 นครศรีธรรมราช ที่มาร่วมตรวจสอบ ระบุว่าเป็นระเบิดแสวงเครื่องแรงดันต่ำ ใช้สายไฟฟ้าเป็นตัวเชื่อมต่อแบบขนาน จุดชนวนระเบิดพร้อมกันทั้ง 3 หลัง

ด้านนายสำเริง กล่าวว่า บ้านของตนสร้างอยู่ในที่ดินขนาด 4 ห้องครึ่ง โดยซื้อสิทธิ์มาจากนายมิตร ไม่ทราบนามสกุล ในราคา 280,000 บาท และสร้างบ้านแล้วเสร็จ เมื่อวันที่ 3 พ.ย.นี้ ในวงเงิน 2,000,000 บาท เชื่อว่าสาเหตุมาจากการขัดแย้งที่ดินบริเวณดังกล่าวกับนายทุนซึ่งอ้างสิทธิครอบครอง

จากการสอบสวนทราบว่า ชุมชนคลองมุดงมีกลุ่มประชาชนทั้งที่อยู่ในจังหวัดภูเก็ตและต่างจังหวัด เข้าไปบุกรุกครอบครองที่ดิน เนื่องจากเห็นว่าเป็นพื้นที่ว่างเปล่า โดยตามสภาพความเป็นจริงแล้ว เป็นพื้นที่ประทานบัตรเหมืองแร่ดีบุกของบริษัทที่มีชื่อเสียงของจังหวัดภูเก็ตแห่งหนึ่ง และเป็นผู้อ้างสิทธิครอบครองกำลังมีข้อพิพาทเกี่ยวกับกรณีที่ดินพื้นนี้ เนื่องจากบริษัทต้องการจะจัดสร้างโครงการบ้านจัดสรรและบ้านพักหรูหราเพื่อขายให้กับชาวต่างประเทศ

ต่อมาเวลา 10.30 น. พล.ต.ท.ธานี ทวิชศรี ผบช.ภาค 8 พล.ต.ต.เดชา บุตรน้ำเพ็ชร ผบก.ภ.ภูเก็ต เดินทางไปตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุอีกครั้งหนึ่ง โดยพล.ต.ท.ธานี กล่าวว่า ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบกรณีที่เกิดขึ้นอย่างจริงจัง เนื่องจากเป็นการก่อเหตุที่อุกอาจสะเทือนขวัญ จากการสืบสวนทราบว่าก่อนหน้านี้มีประเด็นความขัดแย้งระหว่างผู้อ้างกรรมสิทธิ์ที่ดิน และกลุ่มประชาชนที่เข้าไปอยู่อาศัยในภายหลัง และเคยมีการวางเพลิงบ้านชาวบ้านเพื่อไม่ให้ก่อสร้าง มีการวางยาเบื่อสุนัขเพื่อข่มขู่และจนกระทั่งมามีเหตุการณ์วางระเบิดในวันนี้

พล.ต.ท.ธานี กล่าวว่า การะเบิดครั้งนี้ น่าจะจ้างมือวางระเบิดมาโดยเฉพาะ เนื่องจากมีความสามารถในเรื่องระบบกระแสไฟฟ้าและอุปกรณ์เชื่อมโยง รวมทั้งวัตถุและสารเคมีที่ทำให้เกิดระเบิด สาเหตุเชื่อว่าเป็นการขัดแย้งเรื่องที่ดิน พนักงานสอบสวนกำลังเร่งรวบรวมพยานหลักฐาน และเรียกสอบเจ้าของบ้านทั้ง 3 หลัง เพื่อหาข้อมูลรวมทั้งประวัติที่มาที่ไปของที่ดินทั้งหมด

ผวจ.ภูเก็ตยันระเบิดบ้าน ปชช. เหตุแย่งครองที่ดิน สั่งทุกหน่วยคุมเข้มหวั่นเกิดซ้ำ

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์26 พฤศจิกายน 2549 12:17 น.



ผู้ว่าฯ ภูเก็ตชี้ลอบวางระเบิดเหตุขัดแย้งแย่งครองที่ดิน สั่งทุกหน่วยงานดูแลความปลอดภัยเข้มหวั่นเกิดเหตุซ้ำ เตรียมเรียกหน่วยป่าชายเลน/ที่ดินตรวจสอบพื้นที่เหมืองเก่ากว่า 400 ไร่ พบเป็นที่สาธารณะออกหนังสือที่หลวงทันที่
     
       นายนิรันดร์ กัลยาณมิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวถึงเหตุการณ์ลอบวางระเบิดบ้านเรือนของประชาชนในพื้นที่ ม.1 ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต กล่าวภายหลังลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุว่า เหตุการณ์ลอบวางระเบิดที่เกิดขึ้นในครั้งนี้เชื่อว่าเกิดจากปัญหาความขัดแย้งแย่งกันครอบครองที่ดินซึ่งเป๋นประทานบัตรเหมืองเก่า เนื้อที่ประมาณ 400 ไร่ ระหว่างชาวบ้านและนายทุน ซึ่งในส่วนของชาวบ้านก็ยืนยันว่าเป็นที่ดินที่อาศัยกันมานานและมีการขายเปลี่ยนมือกันมา ขณะที่นายทุนก็อ้างเรื่องของการเป็นเจ้าของที่ ซึ่งขณะนี้มีการฟ้องร้องกันอยู่ที่ศาลจังหวัดภูเก็ตประมาณ 20 คดี นอกจากนั้น ในส่วนของอำเภอเมืองเองก็เคยมีการแจ้งความดำเนินคดีกับชาวบ้านบางส่วนที่มีการบุกรุกที่ดินป่าชายเลน
     
       สำหรับที่ดินบริเวณดังกล่าวมีทั้งที่ครอบครองถูกต้องและไม่ถูกต้องอยู่ ซึ่งในเร็วๆ นี้จะเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ป่าชายเลน ที่ดิน และอำเภอประชุมเพื่อกำหนดแนวเขตที่ชัดเจน และจะมีการจังวัดที่ดินกันใหม่หากที่ดินจุดใดเป็นที่หลวงก็จะเร่งออกหนังสือที่หลวงเพื่อป้องกันไม่ให้ชาวบ้านบุกรุกเข้าไปอาศัยหากออกหนังสือที่หลวงแล้วก็สมารถดำเนินคดีได้อย่างชัดเจนขึ้น ส่วนการดำเนินการหลังจากนี้ก็จะมีการร่วมมือกับชุมชนในการกำหนดแนวเขตให้ชัดเจนด้วยซึ่งชุมชนจะรู้ดีว่าใครอยู่มาก่อนหรืออยู่หลัง และเรื่องนี้จะต้องเร่งดำเนินการโดยเร็วที่สุดเพราะถ้าปล่อยไว้เชื่อว่าที่ดินที่เป็นของหลวงจะต้องหมดแน่เพราะจะมีการชักชวนกันมาอยู่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
     
       นายนิรันดร์ กล่าวต่อไปถึงเรื่องของการดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับชาวบ้านว่า ให้ตำรวจ อำเภอ รวมทั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน คณะกรรมการชุมชนประชุมร่วมกันเพื่อวางแผนป้องกันและดูแลรักษาความสงบภัยในชุมชนซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะเข้าไปดูแลเข้มขึ้นร่วมทั้งจะต้องมีการจัดเวรยามในการดูแลกันเองด้วย ส่วนเรื่องของคดีก็ว่ากันไปและจะต้องเร่งสอบสวนหาตัวของผู้ที่ทำและตัวของผู้อยู่เบื้องหลังให้ได้โดยเร็วที่สุดเพื่อไม่ให้เสื่อมเสียชื่อเสียงของจังหวัดภูเก็ตซึ่งเป็นจังหวัดท่องเที่ยว และเพื่อแสดงความชัดเจนไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้าใจผิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
     
       ส่วนปัญหาเรื่องของการบุกรุกที่หลวงที่เกิดขึ้นในพื้นที่ดังกล่าว ยอมรับว่าที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่หละหลวมที่ปล่อยไว้ไม่มีการเข้าไปรังวัดแนวเขตให้ชัดเจนทำให้ปัญหามันรุนแรงขึ้น ซึ่งหลังจากนี้จะเร่งเข้าไปดำเนินการตรวจสอบที่ดินดังกล่าวให้มีความชัดเจนขึ้น

----------------------------------------------------------------------------------------------

ระเบิดบ้าน 3 หลังภูเก็ตใกล้ได้ตัวคนร้าย - ชาวบ้านลือตำรวจเอี่ยว 2 ราย




ศูนย์ข่าวภูเก็ต - คดีคนร้ายวางระเบิดบ้านประชาชนที่ภูเก็ต ตร.มุ่งประเด็นขัดแย้งที่ดิน เผยรู้ตัวคนร้ายแล้ว ขณะที่ชาวบ้านลือ ตร.เกี่ยวข้อง
พ.ต.อ.ประสิทธิ์ ศรีวัฒนพงศ์ รอง ผบก.ภ.จว. ภูเก็ต หัวหน้าพนักงานสอบสวนชุดคลี่คลายคดีคนร้ายลอบวางระบาดบ้านประชาชนจำนวน 3 หลัง ในซอยทรงคุณ ม.1 ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต กล่าวถึงความคืบหน้าการสอบสวนหาตัวคนร้ายที่ก่อเหตุว่า ขณะนี้คดีดังกล่าวกำลังอยู่ในขั้นตอนของการสอบปากคำพยานและรวบรวมหลักฐาน ซึ่งขณะนี้ได้มีการสอบปากคำพยานไปแล้วประมาณ 10 กว่าปาก ทั้งบริษัทเอกชน และประธานชุมชนที่มีปัญหาขัดแย้งกันเรื่องที่ดิน รวมทั้งในส่วนของเจ้าของบ้าน
จากการสอบปากคำชี้ชัดถึงสาเหตุการลอบวางระเบิดในครั้งนี้ คือปัญหาความขัดแย้งเรื่องที่ดิน และขณะนี้พอจะรู้ตัวคนร้ายแล้ว
สำหรับคนร้ายที่ลอบวางระเบิดในครั้งนี้ เชื่อว่าเป็นมืออาชีพและมีการวางแผนกันมาเป็นอย่างดีและในคืนที่ลงมือก่อเหตุ คนร้ายมีประมาณ 3 คน ส่วนกรณีที่มีข่าวลือจากชาวบ้านว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องในคดีดังกล่าวถึง 2 คน ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องนี้ ปละจากการสอบสวนยังไม่พบสิ่งบ่งชี้ อย่างไรก็ตาม จะต้องสอบสวนไปตามพยานและหลักฐานที่ได้มา แต่ถ้าใครเข้าไปเกี่ยวข้องก็พร้อมที่จะดำเนินการกับทุกคน

-----------------------------------------------------------------------------------------------

ตำรวจภูเก็ตยุติสอบสวนคดีระเบิดบ้าน 3 หลัง เหตุผลพิสูจน์ลายนิ้วมือ ไม่ตรงกับผู้ต้องสงสัย แต่ยังคงสืบสวน เพราะเชื่อมั่นว่า เดินทางถูกทางแล้ว ขณะที่ผู้ว่าฯเน้นตำรวจต้องติดตามหาตัวคนร้ายต่อไป

พ.ต.อ.ชลิต แก้วยะรัตน์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรตำบลฉลอง (ผกก.สภ.ต.ฉลอง) อำเภอเมือง จ.ภูเก็ต กล่าวถึงความคืบหน้า กรณีเกิดเหตุคนร้ายไม่ต่ำกว่า 3 คน ลอบใช้ระเบิดแสวง เครื่องผสมปุ๋ยยูเรีย เชื่อมต่อกับสายไฟตั้งเวลาระเบิด ทำให้บ้านชาวบ้าน ในซอยทรงคุณ ม.1 ต.ฉลอง พังย่อยยับทันที 3 หลัง แต่ไม่มี ผู้เสียชีวิต มีเพียงผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย โดยเหตุเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2549

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตั้งเป็นประเด็นการลอบวางระเบิด ว่า เป็นเรื่องที่ดิน สัมปทานเหมืองแร่เก่า ระหว่างบริษัทเอกชนรายหนึ่งกับชาวบ้าน เพื่อที่จะข่มขวัญ ผู้ซึ่งอาศัยให้ออกจากที่ดินดังกล่าว รวมระยะเวลากว่า 8 เดือนแล้ว ว่า ขณะนี้คดีดังกล่าว ทาง สภ.ต.ฉลอง ได้รับผลการตรวจพิสูจน์หลักฐาน จากกองพิสูจน์หลักฐาน อย่างครบถ้วนแล้ว แต่เมื่อนำมาเปรียบเทียบ กับลายนิ้วมือ ของผู้ต้องสงสัย ที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เรียกมาสอบแล้ว ปรากฏว่า ไม่ตรงกัน

ตามกฎหมาย แล้วหากไม่ปรากฏหลักฐานที่ก็แน่ชัดต้องยุติคดีไว้ก่อน จนกว่าจะมีพยาน หลักฐานใหม่ ส่งผลให้การสอบสวนต้องยุติ แต่ในการสืบสวนนั้น สามารถ ที่จะดำเนินการต่อได้และทางเจ้าหน้าที่ก็ดำเนิน การอยู่

ด้าน พล.ต.ต.เดชา บุตรน้ำเพชร ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.ภูเก็ต กล่าวในเรื่องเดียวกัน ว่า ในเมื่อการพิสูจน์หลักฐานทางวิทยาศาสตร์แล้วไม่สามารถที่จะดำเนินการกับผู้ ตรงสงสัย แต่ในทางการสืบสวนและกระบวนการก็อาจจะมีการกันผู้ต้องสงสัยไว้เป็นพยาน ซึ่งขณะนี้ก็ได้ให้ทีมสืบสวนได้ไปติดตามกลุ่มผู้ต้องสงสัย ที่จะเกี่ยวข้องกัน เพื่อหาแนวทาง การสืบสวนในทางลึก และหากพบผู้กระทำความผิดในภายหลัง ตำรวจก็สามารถ เอาผู้ต้องสงสัยหรือพยานเล่านี้มาลำดับเหตุการณ์

อย่างไรก็ตาม นายนิรันดร์ กัลยาณมิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า การที่ตำรวจจะยุติการสอบสวนคงจะกระทำได้ แต่การติดตามหา ตัวคนร้าย คงต้องติดตามต่อไป ตามแนวทางของตำรวจ ที่จะแกะรอย หาตัวคนร้ายก็คงไม่ยาก จึงอยากจะให้ทำงานนี้อย่างต่อเนื่อง เพราะคดีนี้อยู่ในความสนใจของประชาชน

ที่มา: ผู้จัดการออนไลน์

--------------------

ภูเก็ต, ตั้งคณะทำงานสางระเบิดไล่ที่ซอยทรงคุณ ตร.เตรียมขอหมายจับมือลอบวางระเบิด

ศูนย์ข่าวภูเก็ต -พ่อเมืองภูเก็ตตั้งคณะทำงานสาง ปัญหาการบุกรุกที่ดินซอยทรงคุณ หลังเกิดความขัดแย้งในที่ดินอย่างหนักจนถึงขั้นลอบวางระเบิด ขณะที่ตำรวจเผยออกหมายจับผู้ลอบวางระเบิดเร็วๆนี้ เพื่อไม่ให้เกิดการเลียนแบบไล่ที่ ด้วยการลอบวางระเบิด เพราะการบุกรุกในลักษณะดังกล่าวในภูเก็ตมีมากกว่า 10 จุด
ในการประชุมคณะกรรมการรักษาความมั่นคงจังหวัดภูเก็ต ในวันนี้ (29 พ.ย. 49) ซึ่งมีนายนิรันดร์ กัลยาณมิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานนั้น ได้ติดตามความคืบหน้ากรณีคนร้ายลอบวางระเบิดบ้านประชาชน ที่เข้าไปบุกรุกก่อสร้างบ้านในที่ดินสาธารณะ ซอยทรงคุณ หมู่ที่ 1 ต.ฉลอง อ.เมืองภูเก็ต
ทมั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตได้สั่งการให้นายนิวิทย์ อรุณรัตน์ ปลัดจังหวัดภูเก็ต เป็นหัวหน้าคณะทำงานในการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินในบริเวณซอยทรง ร่วมกับนายอำเภอเมืองภูเก็ต ที่ดินจังหวัดภูเก็ต ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดภูเก็ต รวมทั้งอบต.ฉลอง โดยให้มีการสรุปว่าปัญหาการบุกรุกที่ดินที่เกิดขึ้น ที่บริเวณซอยทรงคุณนั้น เป็นความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในระดับจังหวัดหรือระดับอบต. รวมทั้งให้คณะทำงานรายงานความคืบหน้าการดำเนินการทุกสัปดาห์
ด้านนายสุพจน์ สุวรรณโชติ เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ที่รกร้างงว่างเปล่านั้น กระทรวงมหาดไทยได้มอบอำนาจการดูแลให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้นๆ ซึ่งการเข้าไปครอบครองนั้นชาวบ้านจะมีใบเสียภาษี ซึ่งไม่สามารถที่จะนำมาออกเอกสารสิทธิที่ดินได้ และที่ดินดังกล่าว รัฐสามารถที่จะขึ้นทะเบียนเป็นที่ดินสาธารณะให้ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกันได้
ขณะที่พล.ต.อ.เดชา บุตรน้ำเพชร ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต รายงานความคืบหน้าการติดตามหาผู้ลอบวางระเบิดมาดำเนินคดีว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจะสามารถขอออกหมายจับได้ ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเก็บพยานหลักฐาน ที่เป็นวิทยาศาสตร์ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้
การลอบวางระเบิดดังกล่าว เจ้าหน้าที่จะต้องหาตัวผู้ดำเนินการมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้เร็วที่สุด เพราะการบุกรุกที่ดินในลักษณะดังกล่าวในภูเก็ตมีหลายจุดมาก หากปล่อยไว้อาจจะทำให้เกิดการเลียนแบบการกระทำดังกล่าวได้ เพราะขณะนี้ในพื้นที่ภูเก็ต มีคนนอกพื้นที่ไม่ว่าจะเป็นมาจากนครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี ตะกั่วป่า ฯลฯ ได้เข้ามาบุกรุกที่ดินรกร้างว่างเปล่า ที่ดินป่าชายเลน ด้วยการจับจองแล้วกันด้วยลวดหนาม เชือกบ้าง หลังจากนั้นก็จะติดป้ายประกาศขายต่อให้คนต่างจังหวัด ที่เข้ามาประกอบอาชีพในภูเก็ต เริ่มต้นแปลงละ 10,000 บาท ไปจนถึง 100,000 บาท ซึ่งกรณีที่ซอยทรงคุณ บ้านที่ถูกระเบิดซื้อต่อมาในราคาแปลงละ 200,000 บาท
“การบุกที่ดินรกร่างว่างเปล่าหรือที่ดินของรัฐขายต่อเป็นล๊อกๆ ในพื้นที่ภูเก็ตมีเป็นสิบๆจุด โดยกลุ่มคนที่เข้ามาบุกรุก และกลุ่มคนที่ซื้อต่อเป็นกลุ่มคนจากนอกพื้นที่ภูเก็ตทั้งสิ้น ซึ่งคนกลุ่มนี้จะไม่สนใจว่า ที่ดินดังกล่าวเป็นจะที่ดิบแบบใด หากเห็นว่าเป็นที่ดินว่างก็จะเข้าไปบุกรุกแล้วติดประกาศขายทันที ที่เห็นชัดมีอยู่หลายพื้นที่ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่บ้านโคกโตนด ที่เป็นที่ดินของเอกชน การบุกรุกป่าชายเลนที่ซอยกิ่งแก้ว เป็นต้น”
ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต กล่าวอีกว่า สิ่งที่ตนไม่เข้าในว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร คือ การนำไฟฟ้าเข้าไปในพื้นที่ที่มีการบุกรุก และการออกทะเบียนบ้านชั่วคราวให้กับผู้บุกรุก ซึ่งการดำเนินการดังกล่าว เท่ากับเป็นการส่งเสริมให้มีการบุกรุกที่ดินของรัฐและที่ดินรกร้างว่างเปล่า การแก้ปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐในภูเก็ต จะต้องเร่งดำเนินการ เพราะหากปล่อยไว้จะมีการบุกรุกและขายต่ออีกเป็นจำนวนมาก

ข้อมูลจาก : ผู้จัดการออนไลน์


------------------------------------------------------------------------------------------------



ข่าวท้องถิ่น 27 ธันวาคม 2549

แก้ปัญหาบุกรุกที่ดิน ของจังหวัดภูเก็ต โดยเฉพาะซอยทรงคุณ
นายนิรันดร์ กัลยาณมิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวในการประชุม คณะกรรมการความมั่นคงจังหวัดภูเก็ต ซึ่งจัดขึ้นที่โรงแรมถาวรแกรนด์พลาซ่า อ.เมือง จ.ภูเก็ต ถึงการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดิน และการลอบวางระเบิดบ้าน 3 หลัง ในพื้นที่ ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต ซึ่งเหตุเกิดตั้งแต่เดือน พ.ย.ที่ผ่านมา ว่า อยากให้หน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ปัญหาเรื่องการบุกรุกที่ดินสาธารณะใน พื้นที่ โดยเฉพาะในส่วน ของซอยทรงคุณ ที่มีปัญหาความขัดแย้งระหว่างเอกชน และชาวบ้าน เพราะขณะนี้ปัญหาการบุกรุกที่ดินในพื้นที่ จ.ภูเก็ต ยังมีอีกหลายจุด จึงอยากให้เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาให้เสร็จโดยเร็ว รวมทั้งเรื่อง ของคดีระเบิดในซอยทรงคุณ พื้นที่ตำบลฉลอง ด้วยที่ขณะนี้ยังจับกุมคนร้ายไม่ได้
ขณะ ที่ นายวีรวัฒน์ จันทร์เพ็ญ นายอำเภอเมืองภูเก็ต กล่าวว่า สำหรับการลงพื้นที่สำรวจแนวเขต และจำนวนผู้บุกรุกที่ดินบริเวณซอยทรงคุณ ที่มีปัญหานั้นขณะนี้ได้มีการดำเนินการแล้วพบว่า บริเวณดังกล่าวมีบ้านเรือน ของประชาชนที่เข้าไปสร้างอยู่ประมาณ 123 ครัวเรือน ส่วนพื้นที่ที่มีการบุกรุก จะเป็นป่าชายเลน หรือเป็นที่ดินแบบใดนั้นจะต้องขอเวลาอีก 2 สัปดาห์ในการตรวจพิสูจน์ให้ชัดเจน สำหรับการดำเนินการตรวจสอบ เรื่องที่ดินนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมลง ไปตรวจสอบแล้ว
ด้าน พ.ต.ท.สุวัตร แก้วพรหม รองผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรตำบลฉลอง กล่าวถึงการบุกรุกที่ดิน และความคืบหน้าของคดีลอบวางระเบิดบ้าน 3 หลัง ว่า ขณะนี้ในพื้นที่มีปัญหาความขัดแย้งระหว่างเอกชนกับชาวบ้าน และยังอยู่ระหว่าง การตรวจสอบของทางราชการนั้น ได้มีการก่อสร้างบ้านขึ้นมาใหม่อีก 1 หลังแล้ว ซึ่งอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าไปตรวจสอบด้วยว่า ก่อสร้างขึ้นมาได้อย่างไร ส่วนบ้าน 3 หลังที่ถูกลอบวางระเบิด ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการซ่อมแซม
สำหรับ ความคืบหน้าของคดีลอบวางระเบิดบ้าน 3 หลังนี้ ขณะนี้การรวบรวม พยานหลังฐานพร้อมแล้ว ทั้งพยานหลังฐาน พยานวัตถุ ลายนิ้วมือของคนร้าย และภาพสเกตซ์ของคนร้ายที่ก่อเหตุ แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถจับกุมตัวคนร้าย

ที่มา: สำนักประชาสัมพันธ์