Sunday, September 18, 2011

ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตนำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจกว่า 70 นาย เข้ารื้อร้านอาหารสร้างบุกรุกชายหาดกะรน


 ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตนำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจกว่า 70 นาย เข้ารื้อร้านอาหารสร้างบุกรุกชายหาดกะรน

วันนี้ (18 ก.ย.54) นายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมนายวีระวัฒน์ จันทร์เพ็ญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พล.ต.ต.พิกัด ตันติพงศ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต นายไชยวัฒน์ เทพี ปลัดจังหวัดฯ นายศุภชัย โพชนุกูล นายอำเภอเมืองภูเก็ต นายทวี ทองแช่ม นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลกะรน และกำลังเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจประมาณ 70 นาย พร้อมด้วยรถแบ็คโฮเข้ารื้อร้านค้าที่สร้างอยู่บนชายหาดกะรน บริเวณหน้าโรงแรมเซ็นทารา แกรนด์บีช รีสอร์ท ภูเก็ต ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต จำนวน 3 ร้าน มีลักษณะเป็นเพิงขายอาหาร พื้นที่ปรุงอาหารและห้องสุขา ซึ่งเป็นอาคารถาวรและเต็นท์ 10 หลัง โดย มีผู้เจ้าของร้านมายืนดูด้วยความไม่พอใจ เนื่องจากไม่มีการแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรฉลอง ได้เชิญตัวผู้ที่แสดงตนเป็นเจ้าของสิ่งปลูกสร้างไปสอบปากคำเพิ่มเติมที่ สถานีตำรวจภูธรฉลองด้วยโดยมีชาวบ้านตามไปให้กำลังใจจำนวนหนึ่ง

นาย ตรี กล่าวว่า การรื้อร้านค้าบุกรุกชายหาดในครั้งนี้สืบเนื่องจากมีประชาชนและนักท่อง เที่ยวร้องเรียนเกี่ยวกับความไม่เป็นระเบียบร้อยและมีการปลูกสร้างอาคาร ต่างๆ ทั้งร้านอาหารห้องน้ำ บริเวณชายหาดกะรนและชายหาดอื่นๆ ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ตไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และมีคำสั่งให้ทางจังหวัดดำเนินการจัดระเบียบชายหาดภายใน 7 วัน

กรณี ของหาดกะรนนั้นในช่วงที่ผ่านมาทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้แจ้งความดำเนิน คดีกับผู้ที่ไปปลูกสิ่งปลูกสร้างบนชายหาดแล้วและได้มีการประชุมหาเพื่อหา ทางออกร่วมกันไปแล้วหลายครั้ง เพื่อให้ผู้บุกรุกดำเนินการรื้อถอนและย้ายไปอยู่ในที่ที่ทางเทศบาลตำบลกะรน จัดให้

แต่ปรากฏว่า ผู้เป็นเจ้าของสิ่งปลูกสร้างไม่ยินยอมรื้อถอน และมีการก่อสร้างเพิ่มเติมเป็นลักษณะอาคารถาวร ทางจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงต้องเข้าดำเนินการรื้อถอน ซึ่งเป็นไปตามประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 44 พ.ร.บ.ลักษณะการปกครองท้องที่มาตรา 122 โดยมีการรื้อถอนเต็นท์ 10 หลัง ห้องน้ำที่สร้างบนชายหาด และห้องครัวสำหรับทำอาหาร ซึ่งของกลางทั้งหมดนำไปเก็บไว้ที่สถานีตำรวจฉลอง

 "การ ดำเนินการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างในครั้งนี้ดำเนินการด้วยความละมุนละม่อมแม้ ว่าจะมีการต่อต้านของกลุ่มชาวบ้านบ้าง และขณะนี้ในส่วนของชาวบ้านที่สร้างอาคารบนชายหาดทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญ ตัวไปไปสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ตแล้ว"

นาย ตรี กล่าวต่อว่า สำหรับการจัดระเบียบชายหาดในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตนั้นไม่ได้ดำเนินการเฉพาะ ที่หาดกะรนเท่านั้นแต่ได้มีการดำเนินการไปแล้วที่หาดในหาน ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการจัดระเบียบเช่นกัน ส่วนชายหาดอื่นๆก็จะมีการดำเนินการต่อไปและยืนยันว่าการจัดระเบียบชายหาด นั้นจะดำเนินการทั้งจังหวัด

ผู้จัดการออนไลน์



นายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต

Wednesday, September 7, 2011

ครม.ยืนยันให้งบสร้างศูนย์ประชุมภูเก็ต - วันพุธ ที่ 28 เมษายน 2553





นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวที่ จ.ภูเก็ต ความคืบหน้าโครงการก่อสร้างศูนย์ประชุมและแสดงนิทรรศการนานาชาติ จ.ภูเก็ต ที่บริเวณที่ราชพัสดุ แปลงท่าฉัตรไชย อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เนื้อที่ประมาณ 150 ไร่ รับผิดชอบโดยกรมธนารักษ์ ว่า รัฐบาลได้เห็นชอบงบประมาณในการก่อสร้างไปแล้วจำนวนประมาณ2,600 ล้านบาท ภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็งระยะที่ 2และในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)เมื่อวันที่ 27 เมษายน 53 ที่ผ่านมา ได้มีการเสนอขอเลื่อนระยะเวลาในการขอเบิกจ่ายงบประมาณออกไปจนถึงสิ้นปี เนื่องจากจะต้องมีการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม ซึ่งต้องใช้เวลาพอสมควร

ในส่วนของรูปแบบของศูนย์ประชุมฯ นั้นอยากเป็นรูปแบบที่เป็นเวิร์คคลาสอย่างแท้จริง ดังนั้นจึงได้งมอบนโยบายไปแล้วชัดเจนว่าจะต้องมีการเปิดประมูลให้มีผู้ที่เสนอแบบทั้งในประเทศและต่างประเทศเพื่อให้ได้รูปแบบที่สมบูรณ์ที่สุด สามารถตอบสนองการใช้งานได้ตามวัตถุประสงค์ที่วางไว้ เพื่อเสริมศักยภาพของเมืองท่องเที่ยวในแถบนี้ ให้มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น เพราะที่ผ่านมาเคยเห็นแบบที่ออกมาซึ่งบางแบบที่มีการนำเสนอมานั้นมีลักษณะเหมือนกับศูนย์ราชการทั่วไป นายกรณ์กล่าว

พมธ.ภูเก็ตยื่นแถลงการณ์ถึง ผบ.กองเรือภาค 3 - วันพฤหัสบดี ที่ 29 เมษายน 2553


เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 29 เมษายน 2553 ที่บริเวณหน้ากองบัญชาการทัพเรือภาคที่ ต.อ่าวมะขาม อ.เมือง จ.ภูเก็ต กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จ.ภูเก็ต จำนวนประมาณ 200 คน นำโดย น.ส.อาภารัตน์ ชุติกำจรพร้อมด้วยแผ่นป้ายข้อความต่างๆ เช่น พ่อหลวงทรงเหนื่อยมามากพอแล้ว..ขอให้ทหารเรือลุกขึ้นมาปราบกบฎ, เพื่อไทยเก่งจริง สั่งม็อบหยุดสิอย่าดีแต่เห่า,ปัญหาของชาติอย่าให้คนขลาดกำหนดชะตากรรม, เป็นผู้นำอ่อนโยนได้แต่อย่าอ่อนแอ, รีบปฎิบัติการก่อนทหารจะถูกหยามเกียรติ, พลีชีพอีก 1ทหารไทย มันผู้ใดจะรับผิดชอบ เป็นต้น เพื่อยื่นแถลงการณ์ข้อเรียกร้องต่อ พล.ร.ท.ชุมนุม อาจวงษ์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ เพื่อขอให้เร่งดำเนินการจัดการกับกลุ่มก่อการร้าย ขบวนการล้มเจ้าและภัยความมั่นคงของประเทศ โดยมีนาวาเอกสุชาติ ธรรมพิทักษ์เวช ผู้อำนวยการกองกิจการพลเรือน ทัพเรือภาคที่ เป็นตัวแทนรับมอบ

ทั้งนี้สำหรับแถลงการณ์ดังกล่าว ได้เรียกร้องให้รัฐบาลประกาศจุดยืนนโยบายและกรอบปฏิบัติที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรมต่อการเอาผิดการชุมนุมที่ผิดกฎหมายและการจัดการกลุ่มก่อการร้าย โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้นำประเทศจะต้องชี้แจงต่อสาธารณะให้เห็นถึงมาตรการและแนวทางที่ชัดเจนต่อการกอบกู้วิกฤติการณ์ของบ้านเมืองในขณะนี้ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีทราบดีว่าวิกฤตในขณะนี้เป็นวิกฤตความมั่นคงของประเทศ ซึ่งต้องใช้มาตรการทางการทหารและเป็นการยากที่จะแก้ด้วยวิถีทางการเมืองปกติ ซึ่ง ผบ.ทบ.ก็กล่าวยอมรับในรายการเชื่อมั่นประเทศไทย ว่าพร้อมปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาลทุกประการ แต่ที่ผ่านมารัฐบาลยังไม่ได้ประกาศมาตรการที่ชัดเจนว่าจะดำเนินการกับกลุ่มกลุ่มการร้ายอย่างไร สร้างความสับสนให้กับประชาชน จนทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงเรื่อยๆ แม้นายกรัฐมนตรีจะได้มอบอำนาจให้กับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. รับผิดชอบศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) และเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในการควบคุมสถานการณ์ก็ตาม แต่ทุกอย่างยังคงคลุมเคลือไม่รู้ว่าใครมีอำนาจสูงสุดเด็ดขาดในการสั่งการและจัดการกับสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงในขณะนี้

ขอเรียกร้องให้รัฐบาลพิจารณาประกาศ พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงในจังหวัดที่มีพื้นที่สุ่มเสี่ยงและมีการสถาปนาอำนาจรัฐเถื่อนซ้อนอำนาจรัฐไทย และเพื่อให้มาตรการในการกอบกู้สถานการณ์บ้านเมืองเท่าทันและมีประสิทธิภาพ รัฐบาล และกองทัพจะต้องใช้มาตรการทางทหารโดยการประกาศกฎอัยการศึกในพื้นที่ที่จำเป็นเร่งด่วนเพื่อยุติการชุมนุมที่ผิดกฎหมาย การจัดการกับกลุ่มก่อการร้าย ขบวนการล้มเจ้า และการพยายามสถาปนาอำนารัฐเถื่อนโดยเร็ว

รวมทั้งขอเรียกร้องให้บรรดาทหารหาญทุกเหล่าทัพทุกหน่วยทุกค่าย และทุกสังกัดได้ตื่นตัวและตระหนักในขบวนการล้มเจ้า ขบวนการก่อการร้าย และการสถาปนาอำนาจรัฐเถื่อนที่ขยายตัวไปตามจังหวัดต่างๆ ทั้งนี้ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยทั่วประเทศ พร้อมร่วมเป็นพลเมืองอาสาปกป้องชาติและราชบัลลังก์ร่วมกับบรรดาทหารหาญให้สังคมไทยปลอดจากอำนาจรัฐเถื่อนและนำความสงบ สันติสุขกลับคืนสู่สังคมไทยโดยเร็ว


“หมอตุลย์”ร่วมร้องเพลงชาติกับชาวภูเก็ต - วันศุกร์ ที่ 7 พฤษภาคม 2553



 ที่บริเวณปลายแหลมสะพานหิน อ.เมือง จ.ภูเก็ต นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ แกนนำกลุ่มเสื้อหลากสี ผู้ประสานงานเครือข่ายจุฬาฯ เชิดชูคุณธรรมนำประชาธิปไตย (จคป.) พร้อมด้วยพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจังหวัดภูเก็ตจังหวัดภูเก็ตประมาณ 200 คน ได้ร่วมกันร้องเพลงชาติไทย ในโอกาสร่วมเวที รวมพลังพิทักษ์ ชาติ ศาสน์ กษัตริย์” ซึ่งพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจังหวัดภูเก็ต หลังจากร้องเพลงชาติจบลง ก็ได้เปิดเวทีปราศรัย พร้อมทั้งแกนนำพันธมิตรประชาชน 16 จังหวัดภาคใต้ได้ร่วมขึ้นเวทีปราศรัยด้วย

ทั้งนี้นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ ได้กล่าวถึงโรดแม๊ป ข้อของนายกรัฐมนตรี ว่า การยุบสภาในเวลาอันรวดเร็วภายใต้แรงกดดันของกลุ่มคนเสื้อแดงนั้น เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง อย่างไรก็ตาม โรดแม๊ป ข้อที่นายกรัฐมนตรีเสนอเป็นสิ่งที่ถูกต้อง และเป็นหน้าที่ของรัฐบาลและประชาชนที่จะต้องร่วมกันดำเนินการให้สำเร็จ แต่ต้องใช้เวลาในการดำเนินการ อายุสภาอยู่ที่หนึ่งปีเก้าเดือน

อยากให้นายกฯ รัฐบาล ประชาชน ข้าราชการ ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ แม้แต่เรื่องของคนที่ทำลายล้างและจาบจวงสถาบัน ลดความเหลื่อมล้ำต่ำสูงในสังคม ความยากจน สื่อที่เสนอข่าวบิดเบียน และสุดท้ายต้องแก้ไขกฎหมาย และสิ่งที่คณะกรรมการสมานฉันท์เสนอมาทั้ง ข้อนั้นล้วนแต่เป็นประโยชน์ของนักการเมืองทั้งสิ้น และที่บ้านเมืองเป็นอยู่แบบนี้เกิดจากนักการเมืองที่ทุจริต จึงอยากเห็นนายกฯเสนอแนวทางการป้องกันการเลือกตั้งที่ทุจริต และต่อต้านการทุจริตทุกรูปแบบ การลงโทษทางการเมือง เป็นต้น การเมืองก็ใส่สะอาดขึ้น หากทำได้บ้านเมืองก็จะใสสะอาด

กรณีที่รัฐบาลกลุ่มคนเสื้อแดงออกมาระบุให้นายกรัฐมนตรีกำหนดวันยุบสภานั้น นพ.ตุลย์ กล่าวว่า คนกลุ่มนี้ขาดความชอบธรรมที่จะมากำหนดอะไร เพราะคนที่ทำผิดกฎหมายไม่มีสิทธิ์ที่จะเสนออะไรทั้งสิ้น การเสนอยุบสภาเพียงต้องการได้อำนาจคืนมาเท่านั้น เพื่อถ่ายโทษให้ทักษิณเท่านั้น ไม่อยากให้นายกฯทำตามความต้องการของคนที่ทำผิดกฎหมาย