Tuesday, February 28, 2012

พร้อมพงศ์ เตรียมเสนอโครงการขยายถนน 4 เลนชุมพร – พังงา ระยะทาง 200 กม.งบกว่า 4 พันล้านบาท




สส.พร้อมพงศ์ เตรียมเสนอโครงการขยายถนน 4 เลนชุมพร – พังงา ระยะทาง 200 กม.งบกว่า 4 พันล้านบาท ด้านภูเก็ตเสนอการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน รองรับการท่องเที่ยว ครม.สัญจรที่ภูเก็ต


เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2555 ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมปรึกษาหารือ แนวทางการพัฒนาพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามันโดยมี นางธันยรัศม์ อัจฉริยะฉาย ประธานกรรมาธิการท่องเที่ยววุฒิสภา นายเรวัต อารีรอบ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดภูเก็ต นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์  สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย นายก่อแก้ว พิกุลทอง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย นายสมบูรณ์ จิรายุส นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต นางพิชญา เมืองเนาว์ ผอ.สปข.5 และส่วนราชการภาคเอกชน 5 จังหวัด ประกอบด้วยจังหวัดระนอง พังงา กระบี่ ตรัง ภูเก็ต ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม
สำหรับวาระการประชุมที่สำคัญ การหารือร่วมกันถึงแนวทางการพัฒนาพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน ได้แก่ จังหวัดระนอง พังงา กระบี่ ตรัง ภูเก็ต  และการสรุปผลการประชุมปรึกษาหารือแนวทางการพัฒนาพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน
นายตรี กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้ เป็นการปรึกษาหารือ แนวทางการพัฒนาพื้นที่กลุ่ม 5 จังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน ได้แก่ จังหวัดระนอง พังงา กระบี่ ตรัง ภูเก็ต  โดยให้แต่ละจังหวัดเสนอข้อมูลโครงการที่จะพัฒนาจังหวัด เพื่อสรุปข้อมูลในภาพรวมในการนำเสนอการประชุม ครม.นอกสถานที่ ในระหว่างวันที่ 18-20 มีนาคม 2555 ในส่วนของจังหวัดภูเก็ตจะมีการนำเสนอโครงการ รถไฟฟ้ารางเบา เส้นทางจากสนามบินภูเก็ต มายังตัวเมือง โครงการอุโมงค์ลอดเข้าหาดป่าตอง โครงการก่อสร้างถนนคลองเกาะผี โครงการสะพาน  อุโมงค์ข้าม ทางแยก ทางลอด สี่แยกโลตัส สี่แยกไทนาน โครงการก่อสร้างศูนย์ประชุมนานาชาติไม้ขาว โครงการขยายสนามบินนานาชาติภูเก็ต การขยายโรงพยาบาล เป็นต้น ส่วนงบประมาณจะมีการหารืออีกครั้ง
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า แนวทางการพัฒนาพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่(ครม.สัญจร) ณ จังหวัดภูเก็ต ในเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้ว่า ตนในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ก็ได้ประสานร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด ส่วนราชการ หอการค้า ผู้ประกอบการท่องเที่ยว กลุ่มจังหวัดอันดามันทั้งหมดว่าจะเสนอโครงการอย่างไรที่เป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชนกลุ่มจังหวัดอันดามัน เพื่อให้ทางคณะรัฐมนตรี ได้นำไปพิจารณา
 โดยโครงการที่จะนำเสนอ ครม.สัญจร ที่ได้มีการเสนอและคิดร่วมกัน มีอยู่หลายโครงการด้วยกัน โดยเฉพาะ จ.พังงา เช่น โครงการขยายทางหลวงหมายเลข 4 ถนนเพชรเกษม เป็น 4 เลน ระหว่าง จ.พังงา ไปถึง 4 แยกปฐมพร จ.ชุมพร ระยะทางประมาณ 200 กิโลเมตร ใช้งบประมาณในการก่อสร้างทั้งโครงการอยู่ที่ประมาณ 4,000 กว่าล้านบาท โครงการทำเมืองพังงาให้เป็นเมืองแห่งการศึกษา เช่นการดำเนินการเปิดมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตพังงา ที่ ต.โคกกลอย อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา  ซึ่งมีการบริจาคที่ดินมาแล้วประมาณ 300 ไร่ เป็นต้น โครงการทำเมืองท่องเที่ยวเชิงระบบนิเวศน์ในกลุ่มจังหวัดอันดามันทั้งหมด โครงการเส้นทางระบบโลจิสติกส์ หรือระบบขนส่งการท่องเที่ยว โดยการขยายรถไฟจาก อ.คีรีรัฐ จ.สุราษฎร์ธานี มาเชื่อมต่อที่บ้านท่านุ่น ต.โคกกลอง อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา หรือมาเชื่อมต่อกับสะพานสารสิน เพื่อให้เกิดการขนส่ง รวมระยะทาง 160 กิโลเมตร โดยขณะนี้มีการเวนคืนที่ดิน และมีการศึกษาไว้แล้ว งบประมาณ 10,000 กว่าล้านบาท
 โครงการเหล่านี้จะเป็นการสร้างระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานในการที่จะขยายเรื่องการขนส่ง เรื่องการท่องเที่ยว ทำให้กลุ่มอันดามัน จะมีการสร้างรายได้จากเดิมๆ นักท่องเที่ยวเข้ามาปีละประมาณ 10 ล้านคน โดยในปี 2554 นักท่องเที่ยวผ่านสนามบินภูเก็ต ประมาณ 8.5 ล้านคน ซึ่งมากกว่าปีก่อนๆ และในปี 2555 คาดว่าจะมีมากกว่าปี 2554
 นายพร้อมพงศ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ เรื่องของการปรับปรุงขยายสนามบินนานาชาติภูเก็ต เพื่อให้สามารถรองรับผู้โดยสารได้มากถึง 12.5 ล้านคนในปี 2557 โดยจะมีการขยายอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ และอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ รวมทั้งการทำหลุมจอดจาก 15 หลุม เป็น 30 หลุม และการขยายเรื่องระบบขนส่ง ซึ่งรัฐบาลก็ได้อนุมัติงบประมาณไปแล้ว จำนวน 5.7 พันล้านบาท นั้น ในการประชุมครม.สัญจร เราจะนำเสนอในเรื่องให้มีการขยายรันเวย์สนามบินเพิ่มเติมด้วย
 แต่สิ่งที่สำคัญที่ประชาชนต้องการ คือการขยายถนน รวมทั้งรถไฟ ทำสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน รวมถึงการแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำในหน้าร้อนเดือน เม.ย.ของทุกปี ที่ภูเก็ตจะต้องประสบกับปัญหาการขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภคและบริโภค ทำให้ประชาชน และผู้ประกอบการ มีการเจาะน้ำบาดาลกันมากขึ้นทำให้น้ำเค็มมาแทนที่ เกิดแผ่นดินทรุดตัว และทำให้น้ำเกิดมีปัญหา เพราะฉะนั้นการที่จะจัดสรรน้ำอย่างไร และดำเนินโครงการอย่างไรให้น้ำจากแผ่นดินในกลุ่มจังหวัด พังงา หรือกระบี่ นำน้ำเข้ามาในพื้นที่ จ.ภูเก็ตที่เป็นเกาะ รวมทั้งการคมนาคมขนส่งที่สะดวกขึ้น ปัจจัยพื้นฐานคือมีน้ำ มีไฟฟ้า แล้วก็มีระบบการอำนวยความสะดอกเพียงพอ อันนี้จะส่งเสริมการมีรายได้ให้กับพี่น้องในชุมชน จ.พังงา ภูเก็ต กระบี่ ระนอง และสร้างรายได้ภาพรวมของการท่องเที่ยวของประเทศ
 ตนเชื่อว่า ถ้ามีการขยายและมีการลงทุน เม็ดเงินเหล่านี้เช่น กลุ่มอันดามันจ่ายภาษี 3 แสนล้านกระจายงบประมาณกลับมาให้ซักส่วนหนึ่ง ซัก20เปอร์เซ็นต์ของรายได้ที่เสียภาษีไป รายได้ก็จะเพิ่มขึ้นจาก2 แสนล้านต่อปีอาจจะเป็น 3 แสนล้านในปีต่อไป อันนี้ก็เป็นการลงทุนที่ถ้ามองในภาพการลงทุนคุ้มค่า และที่สำคัญจะทำให้วิถีวิชิตของคนกลุ่มจังหวัดอันดามันประกอบด้วย 4 จว.รวมทั้งพี่น้องใน 14 จว.ในภาคใต้ที่มาเป็นผู้ประกอบการแล้วก็มีการประกอบอาชัพเรื่องเกษตรเรื่องประมงก็มีการขายสินค้าได้มากขึ้น ทีนี้ความเป็นอยู่ของคนใต้ 14 จว. จะดีขึ้น

Monday, February 20, 2012

ฟังความเห็นแก้ปัญหาจราจรสามแยกบางคู


เมื่อ วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2555 ที่ห้องประชุมใบเรือ โรงแรมโบ๊ทลากูน อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายเลิศ พัดฉวี รองผู้อำนวยสำนักงานทางหลวงกระบี่ (สุราษฎร์ธานี) เป็นประธานเปิดการประชุมรับฟังความคิดเห็น (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 2) การสำรวจและออกแบบรายละเอียด โครงการก่อสร้างทางแยกต่างระดับจุดตัดทางหลวงหมายเลข 402 (ถนนเทพกระษัตรี) กับทางหลวงหมายเลข 402 (ทางเลี่ยงเมืองภูเก็ต) หรือบริเวณสามแยกบางคู ซึ่งกรมทางหลวงได้ว่าจ้างกลุ่มบริษัทที่ปรึกษา ประกอบ บริษัท เอพซิลอน จำกัด บริษัทคอนซัลแตนท์ ออฟ เทคโนโลยี จำกัด และบริษัท ที.พี.เอฟ.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ให้ดำเนินโครงการดังกล่าว โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประชาชนและเอกชนที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
นาย ธานินทร์ วิรัตน์พงษ์ วิศกรโยธาเชี่ยวชาญ ตัวแทนกรมทางหลวง กล่าวว่า หลังจากที่ได้เคยจัดให้มีการประชุมปฐมนิเทศโครงการไปเมื่อต้นเดือนสิงหาคม 2554 และมีการประชุมกลุ่มย่อยในพื้นที่ตามแนวเส้นทางของโครงการเมื่อวันที่ 22 กันยายน 2554 ซึ่งเป็นการนำเสนอรูปแบบ หลักเกณฑ์และวิธีการในการคัดเลือก สำหรับการประชุมในครั้งนี้ เพื่อนำเสนอผลการพิจารณาคัดเลือกรูปแบบที่เหมาะสมและแนวทางการแก้ไขปัญหา จราจรบริเวณพื้นที่ใกล้เคียง เช่น แยกเกาะแก้ว เป็นต้น รวมทั้งมาตรการเบื้องต้นในการจัดการกับผลกระทบที่คาดว่าจะเกิดขึ้น และรับฟังความคิดเห็นตลอดจนข้อเสนอแนะจากผู้เข้าร่วมประชุมในประเด็นต่างๆ โดยเฉพาะในประเด็นเกี่ยวกับรูปแบบที่ใช้ในการออกแบบรายละเอียด การแก้ไขปัญหาจราจรบริเวณแยกเกาะแก้ว ตลอดจนแผนการดำเนินงานในขั้นตอนต่อไป ซึ่งกรมทางหลวงและที่ปรึกษาจะได้นำข้อคิดเห็นต่างๆ ไปพิจารณาประกอบในการออกแบบให้มีความเหมาะสม และสอดคล้องกับความต้องการของชุมชนและทางวิชาการในลำดับต่อไป
"จาก การเสนอทางเลือกในการแก้ปัญหาของการรับฟังความคิดเห็นในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งพิจารณาทางด้านวิศวกรรม ด้านการจราจร ด้านการลงทุน และด้านสิ่งแวดล้อม จำนวน 5 ทางเลือก ปรากฎว่า รูปแบบทางเลือกที่ 4 ซึ่งเป็นอุโมงค์ทางตรงลอดใต้ทางแยก (Through Under Pass) ได้คะแนนสูงสุด ซึ่งเป็นการกำหนดให้เส้นทางที่มีปริมาณจราจรมาก คือ เส้นทางเลี้ยวขวาจากสนามบินไปหาดป่าตองเป็นถนนระดับพื้น และตัดกระแสกับรถจากหาดป่าตองที่จะเลี้ยวขวาเข้าเมืองภูเก็ตที่มีปริมาณค่อน ข้างน้อยบริเวณนี้จะใช้สัญญาณไฟจราจรสำหรับรถเลี้ยวขวา และก่อสร้างอุโมงค์ตามแนวถนนเทพกระษัตรีเป็นอุโมงค์ลอดใต้ทางแยกขนาด 2 ช่องจราจร สำหรับจากเมืองภูเก็ตไปสนามบิน และรถบริเวณทางลงอุโมงค์ห้ามลงอุโมงค์ให้ไปยูเทิร์นบนหลังอุโมงค์ เพื่อกลับรถเข้าเมืองภูเก็ต หรือเลี้ยวซ้ายไปกลับรถบริเวณถนนเลี่ยงเมืองเพื่อไปสนามบิน ส่วนรถทางตรงจากสนามบินเข้าเมืองภูเก็ตให้วิ่งระดับพื้น ซึ่งทางบริษัทที่ปรึกษาจะได้นำไปออกแบบรายละเอียดในการก่อสร้างทางแยกต่าง ระดับต่อไป"
นาย ธานินทร์ กล่าวด้วยว่า บริเวณสามแยกบางคู เป็นสามแยกระดับดินที่เป็นจุดตัดระหว่างทางหลวงหมายเลข 402 (ถนนเทพกระษัตรี) กับทางเลี่ยงเมืองภูเก็ต และควบคุมการจราจรด้วยระบบสัญญาไฟบริเวณสามแยก ประกอบกับทางหลวงหมายเลข 402 (ถนนเทพกระษัตรี) เป็นถนนสายหลักเข้าสู่ตัวเมืองภูเก็ต และทางเลี่ยงเมืองภูเก็ตเป็นเส้นทางที่จะไปยังสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นที่ นิยมของจังหวัดภูเก็ต เช่น หาดป่าตอง หาดกะตะ หาดกะรน แหลมพรหมเทพ เป็นต้น ปริมาณการจราจรบริเวณทางแยกจึงสูงมาก และมีสภาพคับคั่ง โดยเฉพาะช่วงเช้าและช่วงเย็น ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่จะต้องออกแบบจัดการบริเวณดังกล่าวให้สามารถรองรับ ปริมาณการจราจรในปัจจุบัน และที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพสอดคล้องกับหลักวิชาการและ วิถีชีวิต รวมทั้งออกแบบจัดการจราจรระหว่างการก่อสร้างเพื่อให้เกิดผลกระทบต่อการจราจร และวิถีชีวิตน้อยที่สุด

Thursday, February 9, 2012

นิทานอีสป เรื่อง ชายเร่ร่อน

คลิ๊กที่ภาพ


เมื่อเดินทางมาถึงเมืองนั้น ชายเร่ร่อนก็เข้าไปในตลาดเพื่อ หาซื้อข้าวของ เเต่บังเอิญเขาถูกสุนัขในตลาดกัดที่น่องจน

เป็นเเผล "ท่านต้องเอาขนมปังชุบเลือดจากเเผล เเล้วนำไปให้สุนัขตัวนั้น กิน

เเผลของท่านจึงจะหายได้เเละไม่เป็นพิษ" พ่อค้าคนหนึ่งเเนะนำ เเต่ ชายเร่ร่อนยิ้มเเล้วกล่าวว่า "ถ้าทำเช่นนั้น

สุนัขทุกตัวในเมืองก็จะมากัดข้าเป็นเเน่ เพราะรู้ว่า

เมื่อกัดข้าเเล้วจะได้กินขนมปัง" 

นิทานเรื่องนี้ให้คติสอนใจ และสอนให้รู้ว่า ถ้าใช้เงินซื้อศัตรู มีเเต่จะได้ศัตรูมากขึ้นเรื่อยๆ





นิทานอีสป เรื่อง เมื่อสุนัขกัด

Sunday, February 5, 2012

ชาวภูเก็ตผู้รักและปกป้องสถาบัน 100 กว่าคน เข้ายื่นหนังสือคัดค้านการแก้ไขประมวลอาญา


กลุ่มประชาชนชาวภูเก็ตผู้รักและปกป้องสถาบัน 100 กว่าคน เข้ายื่นหนังสือคัดค้านการแก้ไขประมวลอาญามาตรา 112 เพื่อยุติการกระทำของกลุ่มนิติราษฎร์

เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2555 ที่ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต กลุ่มประชาชนชาวจังหวัดภูเก็ตผู้รักและปกป้องสถาบัน จำนวน 100 กว่าคน เดินทางเข้ายื่นหนังสือคัดค้านการแก้ไขประมวลอาญามาตรา 112 ถึง รัฐบาล ผ่านทาง นายสมเกียรติ สังข์ขาวสุทธิรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นำโดย นายสมาน เกาะเหล็ก นายดอน ลิ้มนันท์พิสิษฐ์ นางสาว อาภารัตน์ ชาติชุติกำจร และกลุ่มประชาชนชาวจังหวัดภูเก็ต เพื่อร้องเรียนให้กลุ่มนิติราษฎร์และแนวร่วมยุติการล่ารายชื่อในพื้นที่ จังหวัดภูเก็ต โดยการถือป้ายโจมตีกลุ่มนิติราษฎร์ต่างๆ เช่น วรเจตน์ต่างจากคุณทองแดงอย่างไร ตอบด้วย, วรเจตน์ มีชื่อว่า “วรนุช” ,คณะนิติราษฎร์คือคณะที่มีอุดมการณ์เดียว คือเนรคุณ เป็นต้น
 นายดอน กล่าวว่า ตามที่กลุ่มนิติราษฎร์และกลุ่มแนวร่วมได้เสนอและแสดงเจตนารมณ์อย่างชัดเจนที่จะแก้ไข ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และเสนอให้แก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญปี 50 ซึ่งรวมทั้งหมวด 2 พระ มหากษัตริย์ด้วย ทั้งนี้เพื่อเปิดโอกาสให้มีการวิพากษ์วิจารณ์ หมิ่นประมาทสถาบันพระมหากษัตริย์ได้ง่ายและหนักข้อมากขึ้น รวมถึงข้อเสนอให้พระมหากษัตริย์ต้องสาบานตนว่าจะปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญและ พิทักษ์ไว้ซึ่งรัฐธรรมนูญ ก่อนเข้ารับตำแหน่ง โดยกล่าวอ้างถึงประมุขในระบอบประชาธิปไตยของต่างประเทศมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งข้อเสนอต่างไล้วนแล้วแต่สอดรับขบวนการล้มสถาบันที่ดำเนินการอยู่อย่าง ต่อเนื่องและเหิมเกริมขึ้นทุกวัน และพยายามลดฐานะ ลดพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ การกระทำดังกล่าวข้างต้น ไม่ใช่หนทางในการสร้างความปรองดอง สมานฉันท์ของคนในชาติ แต่ตรงกันข้ามกลับเป็นการทำลายความมั่งคงของราชอาณาจักร โดยทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ก่อนและเพิ่มความแตกแยกของคนในชาติให้มากขึ้น ไปอีก แทนที่กลุ่มดังกล่าวนี้ควรทำในสิ่งที่สำคัญกว่าคือการเสนอวิธีการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่น ของนักการเมืองไทยทุกระดับที่กำลังเป็นมะเร็งร้ายของประเทศนี้
นาย ดอน กล่าวอีกว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวขึ้นครองราชย์ได้ทรงพระราชทานพระปฐมบรมราชโองการ ว่า “ เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม” ตลอดกว่า 60 ปี ที่ครองราชย์พระองค์ทรงดำรงในทศพิศราชธรรม ทรงประกอบพระราชกรณียกิจนานัปการช่วยให้ประเทศผ่านพ้นวิกฤตมานับครั้งไม่ ถ้วน พระองค์จึงทรงเป็นดั่งศูนย์รวมใจและทรงเป็นที่เคารพเทิดทูนของประชาชนไทย ทั่งทั้งแผ่นดิน จึงนำไปเปรียบกับประมุขของประเทศอื่นหาไม่ได้ ดังนั้น ทางกลุ่มประชาชนชาวจังหวัดภูเก็ตผู้รักและปกป้องสถาบัน จึงขอคัดค้านกลุ่มนิติราษฎร์และกลุ่มแนวร่วมต่างๆที่ร่วมกันเสนอจะแก้ไข ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112  และกฎหมายรัฐธรรมนูญปี 50 หมวด 2 พระ มหากษัตริย์ โดยให้ยุติการกระทำข้างต้นโดยทันที แต่ถ้าหากกลุ่มดังกล่าวยังไม่ยุติและมีการดำเนินการล่ารายชื่อในพื้นที่ จังหวัดภูเก็ต ทางกลุ่มประชาชนชาวจังหวัดภูเก็ตผู้รักและปกป้องสถาบันก็จะดำเนินการคัดค้าน และต่อต้านอย่างถึงที่สุด 
ด้าน นาย สมเกียรติ สังข์ขาวสุทธิรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่คนภูเก็ตได้ออกมาแสดงพลังปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ และเชื่อว่าทุกคนในภูเก็ตมีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์และวงศานุ วงศ์ หนังสือดังกล่าวทางจังหวัดภูเก็ตจะส่งด่วนไปยังกระทรวงมหาดไทย และส่งต่อไปยังรัฐบาล เพื่อที่ทางรัฐบาลจะได้นำเสนอไปยังฝ่ายนิติบัญญัติว่าการแก้ไขประมวลกฎหมาย อาญา มาตรา 112 นั้น คนภูเก็ตไม่เห็นด้วย